5 ความเชื่อผิดๆ เรื่องชาร์จแบต E-Bike ที่ทำรถพังเร็ว!
จักรยานไฟฟ้า (E-Bike) และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ากำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความสะดวกสบายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่หัวใจสำคัญของยานพาหนะเหล่านี้คือแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่มีราคาสูงและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม ยังมีความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการชาร์จแบตเตอรี่ที่ส่งผลเสียโดยตรงต่ออายุการใช้งานและความปลอดภัย
- การชาร์จแบตเตอรี่ในขณะที่ยังร้อนจัดหลังการใช้งาน เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เซลล์แบตเตอรี่เสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร
- ความเชื่อที่ว่าต้องปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงก่อนชาร์จนั้นไม่เป็นความจริงสำหรับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน และยังสร้างความเสียหายให้กับเซลล์อีกด้วย
- การใช้ที่ชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐานหรือชาร์จทิ้งไว้ข้ามคืนโดยไม่มีการควบคุม เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดความร้อนสูงเกินไปจนอาจนำไปสู่เหตุการณ์ไม่คาดฝัน
- อุณหภูมิของสภาพแวดล้อมขณะชาร์จมีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของแบตเตอรี่
- การดูแลรักษาแบตเตอรี่อย่างถูกวิธีจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่และเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานระยะยาว
พฤติกรรมการชาร์จที่ไม่ถูกต้องเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้ต้องเผชิญกับปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็น การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ 5 ความเชื่อผิดๆ เรื่องชาร์จแบต E-Bike ที่ทำรถพังเร็ว! จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว และเปลี่ยนมาใช้วิธีการดูแลรักษาที่ถูกต้อง เพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญและมีราคาแพงที่สุดของตัวรถให้ยาวนานที่สุด บทความนี้จะเจาะลึกถึงความเชื่อที่แพร่หลาย พร้อมทั้งให้ข้อมูลที่ถูกต้องตามหลักการทำงานของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใช้ในจักรยานและสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ในปัจจุบัน
ความสำคัญของการดูแลแบตเตอรี่จักรยานไฟฟ้า
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-ion) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหลักใน E-Bike และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า มีความไวต่อพฤติกรรมการใช้งานและการชาร์จอย่างมาก การดูแลที่ไม่เหมาะสมไม่เพียงแต่จะลดระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง แต่ยังลดจำนวนรอบการชาร์จ (Charge Cycles) ทั้งหมดที่แบตเตอรี่สามารถรองรับได้ตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งหมายถึงค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ที่สูงขึ้นในอนาคต ดังนั้น การมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลแบตเตอรี่จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ใช้งานทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้งานหรือผู้ที่มีประสบการณ์แล้วก็ตาม เพื่อให้สามารถใช้งานยานพาหนะไฟฟ้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ปลอดภัย และคุ้มค่าที่สุด
ไขข้อข้องใจ: 5 ความเชื่อผิดๆ เรื่องชาร์จแบต E-Bike
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหลายอย่างเกี่ยวกับการชาร์จแบตเตอรี่มีรากฐานมาจากเทคโนโลยีแบตเตอรี่ในอดีต ซึ่งไม่สามารถนำมาปรับใช้กับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสมัยใหม่ได้ การยึดถือปฏิบัติตามความเชื่อเก่าๆ เหล่านี้อาจกำลังทำลายแบตเตอรี่ของคุณอย่างช้าๆ โดยไม่รู้ตัว
ความเชื่อที่ 1: ต้องชาร์จทันทีหลังใช้งานเสร็จ
เป็นเรื่องปกติที่หลายคนจะเสียบสายชาร์จทันทีที่กลับถึงบ้านหลังจากการใช้งาน E-Bike มาอย่างหนักหน่วง ด้วยความคิดที่ว่าจะได้มีแบตเตอรี่เต็มพร้อมใช้งานในครั้งต่อไป แต่พฤติกรรมนี้กลับเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง
ความจริงและหลักการทำงาน: ขณะใช้งาน โดยเฉพาะการขับขี่ขึ้นทางชันหรือใช้ความเร็วสูงต่อเนื่อง แบตเตอรี่จะมีการคายประจุพลังงานอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความร้อนสะสมภายในเซลล์แบตเตอรี่ การเริ่มชาร์จไฟในทันทีที่แบตเตอรี่ยังร้อนอยู่ เปรียบเสมือนการ “ซ้ำเติม” ความเครียดจากความร้อนเข้าไปอีก เนื่องจากกระบวนการชาร์จเองก็สร้างความร้อนขึ้นเช่นกัน ความร้อนที่สูงเกินไปนี้จะเร่งปฏิกิริยาเคมีที่ไม่พึงประสงค์ภายในเซลล์ลิเธียมไอออน ทำให้โครงสร้างภายในเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ส่งผลให้ความสามารถในการเก็บประจุลดลงอย่างถาวร
คำแนะนำที่ถูกต้อง: หลังจากการใช้งาน ควรพักแบตเตอรี่ไว้ในที่ร่มและมีอากาศถ่ายเทสะดวกอย่างน้อย 30-60 นาที หรือจนกว่าจะรู้สึกว่าอุณหภูมิของตัวแบตเตอรี่ลดลงจนใกล้เคียงกับอุณหภูมิห้องปกติแล้วจึงค่อยเริ่มทำการชาร์จ การเว้นช่วงเวลานี้จะช่วยให้เซลล์แบตเตอรี่ได้คลายความร้อนและความเครียดสะสม ช่วยรักษาสภาพและยืดอายุการใช้งานในระยะยาวได้อย่างมีนัยสำคัญ
ความเชื่อที่ 2: ควรปล่อยให้แบตหมดเกลี้ยง 0% แล้วค่อยชาร์จ
ความเชื่อนี้มีที่มาจากแบตเตอรี่รุ่นเก่าอย่าง นิกเกิล-แคดเมียม (Ni-Cd) ที่มีปัญหา “Memory Effect” ซึ่งหากชาร์จก่อนที่แบตจะหมด แบตเตอรี่จะ “จดจำ” ระดับพลังงานนั้นและลดความจุลง แต่สำหรับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใช้ใน E-Bike สมัยใหม่นั้นตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง
ความจริงและหลักการทำงาน: แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนไม่มีปัญหา Memory Effect แต่กลับมีความไวต่อสภาวะแรงดันไฟฟ้าที่ต่ำหรือสูงเกินไป การปล่อยให้แบตเตอรี่หมดจนเหลือ 0% หรือที่เรียกว่า “Deep Discharge” จะทำให้แรงดันไฟฟ้าภายในเซลล์ตกลงไปอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ซึ่งสร้างความเครียดอย่างรุนแรงต่อขั้วไฟฟ้าและสารเคมีภายใน การทำเช่นนี้บ่อยครั้งจะลดจำนวนรอบการชาร์จทั้งหมดของแบตเตอรี่ลงอย่างมาก และในกรณีที่เลวร้ายที่สุด อาจทำให้แบตเตอรี่เสียหายถาวรจนไม่สามารถชาร์จไฟกลับเข้าไปได้อีก
คำแนะนำที่ถูกต้อง: แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนคือการรักษาระดับประจุให้อยู่ในโซนที่เหมาะสม หรือที่เรียกกันว่า “กฎ 20-80%” คือพยายามอย่าปล่อยให้แบตเตอรี่ต่ำกว่า 20% และไม่จำเป็นต้องชาร์จจนเต็ม 100% ทุกครั้ง การชาร์จให้อยู่ในระดับประมาณ 80-90% ก็เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปและเป็นผลดีต่อสุขภาพแบตเตอรี่มากกว่า การชาร์จเป็นช่วงสั้นๆ บ่อยครั้ง ดีกว่าการปล่อยให้หมดเกลี้ยงแล้วชาร์จยาวๆ เพียงครั้งเดียว
ความเชื่อที่ 3: ชาร์จทิ้งไว้ข้ามคืนสะดวกและปลอดภัยที่สุด
การเสียบชาร์จ E-Bike ทิ้งไว้ข้ามคืนดูเหมือนจะเป็นวิธีที่สะดวกที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีแบตเตอรี่เต็ม 100% ในตอนเช้า และหลายคนเชื่อว่าที่ชาร์จสมัยใหม่มีระบบตัดไฟอัตโนมัติที่ปลอดภัยอยู่แล้ว แต่ในความเป็นจริง การทำเช่นนี้ก็ยังมีความเสี่ยงแฝงอยู่
ความจริงและหลักการทำงาน: แม้ว่าที่ชาร์จและแบตเตอรี่ที่มีคุณภาพจะมีระบบจัดการแบตเตอรี่ (Battery Management System – BMS) ที่จะตัดการชาร์จเมื่อแบตเตอรี่เต็ม แต่การเสียบสายชาร์จทิ้งไว้เป็นเวลานานเกินความจำเป็น (เช่น 8-10 ชั่วโมงข้ามคืน) ยังคงทำให้แบตเตอรี่อยู่ในสภาวะที่มีแรงดันไฟฟ้าสูงเป็นเวลานาน ซึ่งก่อให้เกิดความร้อนสะสมและความเครียดต่อเซลล์อย่างต่อเนื่อง หากระบบ BMS เกิดทำงานผิดพลาดหรือเป็นระบบที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจนำไปสู่การชาร์จเกิน (Overcharging) ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้แบตเตอรี่บวม เสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดความร้อนสูงจนควบคุมไม่ได้ (Thermal Runaway) ซึ่งอาจนำไปสู่การลัดวงจรและไฟไหม้ได้
คำแนะนำที่ถูกต้อง: ควรใส่ใจระยะเวลาในการชาร์จตามที่ระบุในคู่มือ (โดยทั่วไปประมาณ 4-6 ชั่วโมง) และถอดปลั๊กออกเมื่อแบตเตอรี่ชาร์จเต็มแล้ว การชาร์จในเวลาที่สามารถดูแลและตรวจสอบได้เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด หลีกเลี่ยงการทำให้การชาร์จข้ามคืนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน
ความเชื่อที่ 4: ใช้ที่ชาร์จอะไรก็ได้ ขอแค่หัวเสียบเหมือนกัน
เมื่อที่ชาร์จเดิมสูญหายหรือชำรุด หลายคนมักจะหาซื้อที่ชาร์จทดแทนราคาถูกโดยดูแค่ว่าหัวแจ็คเสียบเข้ากันได้ ซึ่งเป็นความผิดพลาดที่อันตรายอย่างยิ่ง
ความจริงและหลักการทำงาน: ที่ชาร์จแต่ละรุ่นถูกออกแบบมาให้มีค่าแรงดันไฟฟ้า (Voltage) และกระแสไฟฟ้า (Amperage) ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับแบตเตอรี่รุ่นนั้นๆ การใช้ที่ชาร์จที่ไม่ตรงรุ่น แม้จะมีหัวเสียบเหมือนกัน อาจจ่ายไฟที่มีแรงดันสูงหรือต่ำเกินไป หรือจ่ายกระแสไฟที่ไม่เหมาะสม ซึ่งจะสร้างความเสียหายโดยตรงต่อเซลล์แบตเตอรี่และระบบ BMS นอกจากนี้ ที่ชาร์จราคาถูกหรือของปลอมมักจะขาดวงจรป้องกันที่สำคัญ เช่น วงจรป้องกันการชาร์จเกิน, วงจรป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร และระบบควบคุมอุณหภูมิ ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดความเสียหายต่อแบตเตอรี่และอาจก่อให้เกิดอัคคีภัยได้
คำแนะนำที่ถูกต้อง: ควรใช้ที่ชาร์จของแท้ที่มาพร้อมกับตัวรถเท่านั้น หากจำเป็นต้องเปลี่ยน ควรจัดหาจากผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายที่เชื่อถือได้ และต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีคุณสมบัติทางไฟฟ้า (V/A) ตรงกับที่ระบุไว้สำหรับแบตเตอรี่ของคุณทุกประการ การลงทุนในที่ชาร์จที่มีคุณภาพคือการลงทุนในความปลอดภัยและอายุการใช้งานของ E-Bike ทั้งคัน
ความเชื่อที่ 5: ชาร์จที่ไหนก็ได้ ไม่มีผลต่อแบตเตอรี่
สถานที่และสภาพแวดล้อมในการชาร์จเป็นปัจจัยที่หลายคนมองข้าม แต่ความจริงแล้วอุณหภูมิโดยรอบมีผลอย่างมากต่อกระบวนการชาร์จและสุขภาพของแบตเตอรี่
ความจริงและหลักการทำงาน: แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนทำงานได้ดีที่สุดและมีประสิทธิภาพในการชาร์จสูงสุดในช่วงอุณหภูมิห้อง (ประมาณ 15-25 องศาเซลเซียส) การชาร์จในสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัด เช่น กลางแดด, ในโรงรถที่ร้อนอบอ้าว หรือใกล้แหล่งความร้อน จะทำให้แบตเตอรี่ร้อนขึ้นไปอีก และเร่งการเสื่อมสภาพของเซลล์ ในทางกลับกัน การชาร์จในที่ที่อุณหภูมิต่ำเกินไป (ใกล้ 0 องศาเซลเซียสหรือต่ำกว่า) จะทำให้ปฏิกิริยาเคมีภายในช้าลง การชาร์จจะไม่มีประสิทธิภาพ และอาจเกิดการเคลือบของลิเธียมโลหะบนขั้วแอโนด (Lithium Plating) ซึ่งเป็นความเสียหายถาวรและเพิ่มความเสี่ยงต่อการลัดวงจรภายใน
คำแนะนำที่ถูกต้อง: ควรเลือกชาร์จแบตเตอรี่ในที่ร่ม แห้ง มีอากาศถ่ายเทสะดวก และมีอุณหภูมิคงที่ หลีกเลี่ยงการชาร์จในบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึงโดยตรง หรือในสถานที่ที่มีอุณหภูมิสุดขั้วทั้งร้อนและเย็น การใส่ใจในสภาพแวดล้อมการชาร์จเป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ที่จะช่วยถนอมแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้ยาวนาน
เปรียบเทียบความเชื่อผิดๆ กับวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ตารางด้านล่างนี้สรุปความแตกต่างระหว่างความเชื่อที่ผิดพลาดและแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้องในการดูแลแบตเตอรี่จักรยานไฟฟ้า
| ความเชื่อผิดๆ (Myth) | ผลกระทบเชิงลบ | วิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง (Correct Practice) |
|---|---|---|
| ชาร์จทันทีหลังใช้เสร็จ | เกิดความร้อนสะสมสูงเกินไป เร่งการเสื่อมสภาพของเซลล์แบตเตอรี่ | พักแบตเตอรี่ให้เย็นลงสู่อุณหภูมิห้อง (ประมาณ 30-60 นาที) ก่อนเริ่มชาร์จ |
| ปล่อยให้แบตหมดเกลี้ยง 0% | สร้างความเครียดสูงให้เซลล์ ลดจำนวนรอบการชาร์จ และอาจเสียหายถาวร | รักษาระดับแบตเตอรี่ให้อยู่ระหว่าง 20-80% และเสียบชาร์จเมื่อแบตเตอรี่เหลือประมาณ 20-30% |
| ชาร์จทิ้งไว้ข้ามคืน | แบตเตอรี่อยู่ในสภาวะแรงดันสูงนานเกินไป เพิ่มความเสี่ยงแบตบวมและการชาร์จเกิน | ถอดที่ชาร์จออกเมื่อแบตเตอรี่เต็ม หรือใช้เครื่องตั้งเวลาเพื่อควบคุมระยะเวลาการชาร์จ |
| ใช้ที่ชาร์จอะไรก็ได้ | จ่ายไฟไม่เสถียร ไม่มีระบบป้องกันความปลอดภัย เสี่ยงต่อแบตเตอรี่เสียหายและอัคคีภัย | ใช้ที่ชาร์จของแท้ที่ตรงรุ่นจากผู้ผลิตเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด |
| ชาร์จในที่ร้อนหรือเย็นจัด | อุณหภูมิสุดขั้วทำให้ประสิทธิภาพการชาร์จลดลงและเกิดความเสียหายถาวรต่อเซลล์ | ชาร์จในที่ร่ม มีอากาศถ่ายเท และมีอุณหภูมิคงที่ (ประมาณ 15-25°C) |
ข้อควรระวังเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
นอกจากการทลายความเชื่อผิดๆ ทั้ง 5 ข้อแล้ว ยังมีข้อควรปฏิบัติเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มระดับความปลอดภัยในการใช้งานแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนให้สูงสุด
อันตรายจากการชาร์จโดยไม่มีคนดูแล
แม้จะเกิดขึ้นได้ยากกับแบตเตอรี่ที่มีคุณภาพ แต่ความเสี่ยงจากเหตุการณ์ Thermal Runaway หรือภาวะความร้อนสูงจนควบคุมไม่ได้ ยังคงมีอยู่ ปรากฏการณ์นี้คือเมื่อเซลล์แบตเตอรี่เซลล์หนึ่งเกิดลัดวงจรและร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว ความร้อนนั้นจะส่งต่อไปยังเซลล์ข้างเคียง ทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่จนแบตเตอรี่อาจเกิดการลุกไหม้หรือระเบิดได้
เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ไม่ควรชาร์จแบตเตอรี่ทิ้งไว้โดยไม่มีคนดูแลเป็นเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชาร์จข้ามคืนในขณะที่ทุกคนกำลังหลับ หรือการชาร์จในอาคารที่ไม่มีคนอยู่ การชาร์จในบริเวณที่สามารถมองเห็นและเข้าถึงได้ง่ายจะช่วยให้สามารถรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ทันท่วงที
ความสำคัญของระบบจัดการแบตเตอรี่ (BMS)
BMS (Battery Management System) คือแผงวงจรอัจฉริยะที่ติดตั้งอยู่ภายในแพ็คแบตเตอรี่ ทำหน้าที่เป็นสมองกลคอยควบคุมและป้องกันความปลอดภัยในการทำงานของแบตเตอรี่ทั้งหมด ซึ่งรวมถึง:
- ป้องกันการชาร์จเกิน (Overcharge Protection): ตัดการจ่ายไฟเมื่อแรงดันไฟฟ้าในเซลล์สูงถึงขีดจำกัด
- ป้องกันการคายประจุเกิน (Over-discharge Protection): ตัดการทำงานของแบตเตอรี่เมื่อแรงดันไฟฟ้าต่ำเกินไป เพื่อป้องกันความเสียหาย
- ปรับสมดุลเซลล์ (Cell Balancing): ทำให้เซลล์ทุกเซลล์ในแพ็คแบตเตอรี่มีระดับแรงดันไฟฟ้าใกล้เคียงกัน เพื่อยืดอายุการใช้งานโดยรวม
- ควบคุมอุณหภูมิ (Temperature Monitoring): ตัดการทำงานหากตรวจพบว่าอุณหภูมิของแบตเตอรี่สูงหรือต่ำเกินเกณฑ์ที่ปลอดภัย
การเลือกซื้อ E-Bike หรือแบตเตอรี่จากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ จะช่วยให้มั่นใจได้ว่ามีระบบ BMS ที่มีคุณภาพและทำงานได้อย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยและอายุการใช้งาน
สรุป: แนวทางการดูแลแบตเตอรี่ E-Bike เพื่อยืดอายุการใช้งาน
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการชาร์จแบตเตอรี่ E-Bike และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าตามข้อมูลที่ถูกต้อง เป็นกุญแจสำคัญในการยืดอายุการใช้งาน ประหยัดค่าใช้จ่าย และเพิ่มความปลอดภัย การละทิ้งความเชื่อเก่าๆ ที่ไม่เหมาะสมกับเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในปัจจุบัน และหันมาปฏิบัติตามหลักการง่ายๆ เหล่านี้ จะช่วยให้แบตเตอรี่ของคุณทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพไปอีกนานแสนนาน
หัวใจสำคัญคือการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่สร้างความเครียดให้กับเซลล์แบตเตอรี่ ซึ่งได้แก่ ความร้อน, การปล่อยให้แบตหมดเกลี้ยง (Deep Discharge), และการชาร์จไฟเกิน (Overcharging) เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ เช่น รอให้แบตเตอรี่เย็นลงก่อนชาร์จ รักษาระดับพลังงานให้อยู่ในช่วง 20-80% ใช้ที่ชาร์จของแท้เสมอ และเลือกสภาพแวดล้อมการชาร์จที่เหมาะสม ก็สามารถสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ให้กับอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้แล้ว
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาจักรยานไฟฟ้า สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า หรือต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลรักษา ที่ GIANT Shopping Mall เรามีจำหน่ายจักรยานไฟฟ้าทุกประเภทที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการ พร้อมทีมงานที่พร้อมให้คำแนะนำอย่างมืออาชีพ
สามารถเยี่ยมชมสินค้าหรือ ติดต่อ สอบถามเพิ่มเติม ได้ที่ช่องทาง FACEBOOK PAGE และ LINE
