ผังเมืองอัจฉริยะ: โอกาสทองของจักรยานไฟฟ้าในไทย?
- ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ
- บทบาทของผังเมืองอัจฉริยะต่อการเดินทางยุคใหม่
- แนวคิดเมืองอัจฉริยะกับการขับเคลื่อนยานพาหนะไฟฟ้า
- ประโยชน์ของจักรยานไฟฟ้าในบริบทเมืองอัจฉริยะ
- เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สนับสนุนการเติบโต
- การบูรณาการจักรยานไฟฟ้าเข้ากับระบบขนส่งมวลชน
- คาดการณ์แนวโน้มตลาดและโอกาสในอีก 12 เดือนข้างหน้า
- บทสรุป: อนาคตของการเดินทางในเมืองไทย
การพัฒนาเมืองในประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและคุณภาพชีวิต การวางแผนผังเมืองอัจฉริยะ (Smart City) จึงกลายเป็นนโยบายสำคัญที่ภาครัฐผลักดันอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืนและตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน แนวทางดังกล่าวได้สร้างโอกาสสำคัญให้กับยานพาหนะทางเลือก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจักรยานไฟฟ้า (E-Bike) และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบหลักที่จะเข้ามาปฏิวัติรูปแบบการเดินทางในเมืองให้มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ
- Smart Mobility เป็นหัวใจหลัก: นโยบายผังเมืองอัจฉริยะเน้นการพัฒนาระบบขนส่งที่ปลอดภัย สะดวก และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งส่งเสริมการใช้จักรยานไฟฟ้าโดยตรง
- โครงสร้างพื้นฐานที่เอื้ออำนวย: การสร้างทางจักรยานโดยเฉพาะ, จุดบริการ Bike Sharing, และสถานีชาร์จ EV คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้การใช้จักรยานไฟฟ้าเป็นเรื่องง่ายและแพร่หลาย
- เทคโนโลยีขับเคลื่อนการเติบโต: นวัตกรรมแบตเตอรี่ที่วิ่งได้ไกลขึ้น ชาร์จเร็วขึ้น และระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ทำให้จักรยานไฟฟ้าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่าเดิม
- ลดมลพิษและค่าใช้จ่าย: การเปลี่ยนมาใช้จักรยานไฟฟ้าช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก, ลดมลพิษทางเสียง และประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางในระยะยาว
- แนวโน้มตลาดเติบโตสูง: ด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เข้าถึงง่ายขึ้น คาดว่าตลาดจักรยานไฟฟ้าและสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าในไทยจะขยายตัวอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้
บทบาทของผังเมืองอัจฉริยะต่อการเดินทางยุคใหม่
แนวคิดเรื่อง ผังเมืองอัจฉริยะ: โอกาสทองของจักรยานไฟฟ้าในไทย? ไม่ใช่เป็นเพียงการคาดการณ์ แต่เป็นทิศทางที่กำลังเกิดขึ้นจริง จากการที่ภาครัฐและเอกชนต่างให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน การวางผังเมืองรูปแบบใหม่นี้มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาเมืองใหญ่ เช่น การจราจรติดขัด มลพิษ และการใช้พลังงานที่สิ้นเปลือง โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย จักรยานไฟฟ้าและสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในฐานะยานพาหนะส่วนบุคคลที่ตอบโจทย์การเดินทางระยะสั้นถึงกลาง (First-mile/Last-mile) ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
การเปลี่ยนแปลงนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับคนเมืองที่ต้องเผชิญกับความท้าทายในการเดินทางในแต่ละวัน นโยบาย Smart City จึงไม่ได้เป็นเพียงโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่เป็นการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการใช้ชีวิต โดยส่งเสริมให้ผู้คนหันมาพึ่งพาระบบขนส่งสาธารณะและยานพาหนะพลังงานสะอาดมากขึ้น ซึ่งจักรยานไฟฟ้าถือเป็นตัวเลือกที่เข้าถึงง่ายและใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน
แนวคิดเมืองอัจฉริยะกับการขับเคลื่อนยานพาหนะไฟฟ้า
การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ในประเทศไทยมีองค์ประกอบหลัก 7 ด้าน แต่ด้านที่มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับการเติบโตของจักรยานไฟฟ้าคือ “การเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ” หรือ Smart Mobility ซึ่งเป็นแกนหลักในการออกแบบระบบสัญจรของเมืองแห่งอนาคต
Smart Mobility: หัวใจของการสัญจรอัจฉริยะ
Smart Mobility คือแนวคิดการสร้างระบบการเดินทางที่เชื่อมโยงถึงกันอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย สะดวกสบาย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป้าหมายคือการลดการพึ่งพารถยนต์ส่วนบุคคลที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และส่งเสริมทางเลือกในการเดินทางที่หลากหลาย ซึ่งจักรยานไฟฟ้าและสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าคือหนึ่งในคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับโจทย์นี้
เป้าหมายหลักของ Smart Mobility คือการสร้างเครือข่ายการเดินทางที่ไร้รอยต่อ โดยผสมผสานระบบขนส่งสาธารณะเข้ากับยานพาหนะส่วนบุคคลขนาดเล็กที่ใช้พลังงานสะอาด เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางจากจุดเริ่มต้นไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างสะดวกและรวดเร็วที่สุด
แนวคิดนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดปัญหาการจราจรและมลพิษทางอากาศ แต่ยังช่วยส่งเสริมให้ผู้คนมีกิจกรรมทางกายมากขึ้นผ่านการปั่นจักรยาน ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาวอีกด้วย
โครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อจักรยานไฟฟ้าและสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า
การจะทำให้จักรยานไฟฟ้ากลายเป็น phương tiện หลักในการเดินทางได้นั้น จำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมรองรับ ผังเมืองอัจฉริยะจึงให้ความสำคัญกับการลงทุนในส่วนนี้เป็นอย่างมาก ประกอบด้วย:
- ทางจักรยานที่ปลอดภัย: การออกแบบและสร้างทางจักรยานที่แยกออกจากถนนหลักอย่างชัดเจน ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งาน ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุกับรถยนต์
- พื้นที่บริการ Bike Sharing: การจัดสรรพื้นที่สำหรับจอดและให้บริการเช่าจักรยานไฟฟ้าสาธารณะตามจุดเชื่อมต่อที่สำคัญ เช่น สถานีรถไฟฟ้า อาคารสำนักงาน หรือย่านที่พักอาศัย ทำให้ผู้คนเข้าถึงบริการได้ง่าย
- สถานีชาร์จยานพาหนะไฟฟ้า (EV Charging Stations): การติดตั้งจุดชาร์จให้ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ ในเมือง เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขจัดความกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดระหว่างทาง และทำให้การใช้ E-Bike สำหรับการเดินทางระยะไกลเป็นไปได้จริง
- การเชื่อมโยงกับระบบขนส่งมวลชน: ออกแบบพื้นที่สถานีรถไฟฟ้าหรือป้ายรถโดยสารให้มีจุดจอดจักรยานที่สะดวกและปลอดภัย เพื่อสนับสนุนให้ผู้คนใช้จักรยานไฟฟ้าเดินทางมายังระบบขนส่งสาธารณะ
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือโครงการ “วังจันทร์วัลเลย์” ที่มีการวางระบบทางสัญจรรวมกว่า 15 กิโลเมตร พร้อมพื้นที่รองรับ Bike Sharing และสถานีชาร์จ EV ที่ครอบคลุม เพื่อสร้างระบบนิเวศการเดินทางด้วยพลังงานสะอาดอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นต้นแบบที่สามารถนำไปปรับใช้กับเมืองอื่นๆ ทั่วประเทศได้
ประโยชน์ของจักรยานไฟฟ้าในบริบทเมืองอัจฉริยะ
การส่งเสริมให้มีการใช้จักรยานไฟฟ้าและสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลายในเมืองอัจฉริยะ ก่อให้เกิดประโยชน์ในหลากหลายมิติ ทั้งต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจส่วนบุคคล
ผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิต
ประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุดคือการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จักรยานไฟฟ้าไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือมลพิษทางอากาศอื่นๆ ขณะใช้งาน ซึ่งช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศในเมืองให้ดีขึ้นโดยตรง นอกจากนี้ ยังมีข้อดีอื่นๆ อีก เช่น:
- ลดมลพิษทางเสียง: จักรยานไฟฟ้าทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีเสียงเงียบมาก ช่วยลดปัญหามลพิษทางเสียงในเขตเมือง ทำให้บรรยากาศโดยรวมน่าอยู่และสงบมากขึ้น
- ลดปัญหาฝุ่น PM2.5: การลดจำนวนรถยนต์สันดาปบนท้องถนนมีส่วนช่วยลดการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญของคนเมือง
- ส่งเสริมสุขภาพกายและใจ: แม้จะมีระบบช่วยผ่อนแรง แต่การปั่นจักรยานไฟฟ้ายังคงเป็นการออกกำลังกายที่ดี ช่วยให้ผู้ใช้งานได้เคลื่อนไหวร่างกายไปพร้อมกับการเดินทาง ลดความเครียดจากการเผชิญปัญหารถติด
ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจสำหรับผู้ใช้งาน
นอกเหนือจากประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว การเลือกใช้จักรยานไฟฟ้ายังมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจสูงสำหรับผู้ใช้งาน เมื่อเทียบกับการใช้รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ทั่วไป ค่าใช้จ่ายในการชาร์จไฟฟ้าต่อครั้งนั้นน้อยกว่าค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งค่าบำรุงรักษาก็ต่ำกว่า เนื่องจากมีชิ้นส่วนกลไกที่ซับซ้อนน้อยกว่า ทำให้ผู้ใช้งานสามารถประหยัดค่าเดินทางในระยะยาวได้อย่างมาก
| ปัจจัยเปรียบเทียบ | รถยนต์ส่วนบุคคล (สันดาป) | จักรยานไฟฟ้า (E-Bike) |
|---|---|---|
| ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม | ปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษสูง, ก่อให้เกิดฝุ่น PM2.5 | ไม่มีการปล่อยมลพิษขณะใช้งาน, เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม |
| ค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน | สูง (ค่าน้ำมันผันผวน) | ต่ำมาก (ค่าไฟฟ้า) |
| ค่าบำรุงรักษา | สูง (เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง, อะไหล่สิ้นเปลือง) | ต่ำ (ส่วนใหญ่เป็นค่าบำรุงรักษาทั่วไป) |
| ความคล่องตัวในการเดินทาง | ต่ำในชั่วโมงเร่งด่วน, เผชิญปัญหารถติด | สูง, สามารถใช้ทางลัดหรือเลนจักรยานได้ |
| ปัญหาที่จอดรถ | หาที่จอดยาก, มีค่าใช้จ่ายสูง | หาที่จอดง่าย, ใช้พื้นที่น้อย |
| ผลกระทบต่อสุขภาพ | เกิดความเครียดจากการขับขี่, ขาดการออกกำลังกาย | ได้ออกกำลังกาย, ลดความเครียด |
เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สนับสนุนการเติบโต
การเติบโตของตลาดจักรยานไฟฟ้าไม่ได้มาจากนโยบายผังเมืองเพียงอย่างเดียว แต่ยังได้รับแรงหนุนจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทำให้ E-Bike มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ปลอดภัยขึ้น และใช้งานได้สะดวกสบายกว่าที่เคย
การพัฒนาแบตเตอรี่: เพิ่มระยะทาง ลดเวลาชาร์จ
หัวใจสำคัญของยานพาหนะไฟฟ้าคือแบตเตอรี่ ปัจจุบัน เทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-ion) ได้รับการพัฒนาให้มีความจุสูงขึ้นในขณะที่มีขนาดเล็กลงและน้ำหนักเบาลง ทำให้จักรยานไฟฟ้าสามารถวิ่งได้ระยะทางไกลขึ้นต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง บางรุ่นสามารถวิ่งได้เกิน 100 กิโลเมตร ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ เทคโนโลยีการชาร์จเร็วยังช่วยลดระยะเวลาในการรอคอย ทำให้การใช้งานมีความต่อเนื่องมากขึ้น และในอนาคตอันใกล้ เทคโนโลยีแบตเตอรี่โซลิดสเตต (Solid-State Battery) ที่มีความปลอดภัยสูงและจุพลังงานได้มากกว่าเดิม ก็จะเข้ามาปฏิวัติวงการยานพาหนะไฟฟ้าอีกครั้ง
ระบบอัจฉริยะเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบาย
จักรยานไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ไม่ได้เป็นเพียงจักรยานติดมอเตอร์อีกต่อไป แต่มาพร้อมกับระบบอัจฉริยะต่างๆ ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งาน เช่น:
- การเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน: ผู้ใช้สามารถตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่, ระยะทางที่วิ่งได้, วางแผนเส้นทางผ่าน GPS, และแม้กระทั่งล็อกหรือปลดล็อกจักรยานผ่านสมาร์ทโฟน
- ระบบช่วยขับขี่: เซ็นเซอร์ต่างๆ เช่น ระบบช่วยทรงตัว, ระบบเตือนการชน, หรือไฟส่องสว่างอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ โดยเฉพาะในเวลากลางคืนหรือในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย
- ระบบล็อกอัจฉริยะ: เทคโนโลยีป้องกันการโจรกรรม เช่น ระบบติดตาม GPS และการแจ้งเตือนเมื่อมีการเคลื่อนย้ายที่ไม่ได้รับอนุญาต ช่วยให้เจ้าของอุ่นใจมากขึ้น
- Smart Parking: ในบางพื้นที่ของเมืองอัจฉริยะ อาจมีระบบจองพื้นที่จอดรถสำหรับ EV ล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน เพื่ออำนวยความสะดวกและลดปัญหาการวนหาที่จอด
การบูรณาการจักรยานไฟฟ้าเข้ากับระบบขนส่งมวลชน
หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของผังเมืองอัจฉริยะคือการสร้างระบบการเดินทางที่เชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ (Seamless Journey) ซึ่งหมายถึงการทำให้ประชาชนสามารถเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางจากรูปแบบหนึ่งไปยังอีกรูปแบบหนึ่งได้อย่างสะดวก จักรยานไฟฟ้ามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเติมเต็มช่องว่างของการเดินทางในระยะสั้น หรือที่เรียกว่า “First-mile/Last-mile connectivity”
ยกตัวอย่างเช่น ประชาชนสามารถปั่นจักรยานไฟฟ้าจากบ้านมายังสถานีรถไฟฟ้า จากนั้นนำจักรยานขึ้นรถไฟฟ้า (ในตู้โดยสารที่อนุญาต) หรือจอดไว้ที่จุดจอดจักรยานของสถานี แล้วเดินทางต่อไปยังที่ทำงานด้วยระบบขนส่งมวลชน เมื่อถึงสถานีปลายทาง ก็สามารถใช้บริการ Bike Sharing เพื่อเดินทางต่อไปยังอาคารสำนักงานได้ การสร้างเครือข่ายที่เชื่อมโยงกันเช่นนี้จะช่วยลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลได้อย่างมหาศาล และทำให้การเดินทางในภาพรวมมีประสิทธิภาพมากขึ้น การขยายเครือข่ายสถานีชาร์จและเส้นทางสำหรับ E-Bike ตามแนวรถไฟฟ้าและจุดเชื่อมต่อสำคัญจึงเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันให้แนวคิดนี้เกิดขึ้นได้จริง
คาดการณ์แนวโน้มตลาดและโอกาสในอีก 12 เดือนข้างหน้า
จากปัจจัยสนับสนุนทั้งหมดที่กล่าวมา ทั้งนโยบายภาครัฐ, ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี, และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ทำให้คาดการณ์ได้ว่าตลาดจักรยานไฟฟ้าและสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าในประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดภายใน 12 เดือนข้างหน้านับจากปลายปี 2025
ทิศทางการเติบโตของตลาด E-Bike ในประเทศไทย
เทรนด์การใช้ยานพาหนะไฟฟ้าส่วนบุคคลกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่และวัยทำงานที่อาศัยอยู่ในเมือง ซึ่งมองหาทางเลือกในการเดินทางที่ประหยัด, สะดวก, และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คาดว่าผู้ผลิตจะเริ่มนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งในด้านดีไซน์, ฟังก์ชันการใช้งาน และระดับราคา เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน ทำให้ E-Bike กลายเป็นยานพาหนะที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับคนทุกกลุ่ม ไม่ใช่แค่สินค้าสำหรับกลุ่มเฉพาะอีกต่อไป
นโยบายภาครัฐและการสนับสนุน
มาตรการสนับสนุนจากภาครัฐจะเป็นอีกหนึ่งตัวเร่งสำคัญที่ทำให้ตลาดเติบโต ไม่ว่าจะเป็นมาตรการทางภาษีเพื่อลดราคาจำหน่าย, การให้เงินอุดหนุน, หรือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง โครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในพื้นที่ต่างๆ เช่น โครงการพัฒนารอบสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ) ที่มีการบูรณาการทั้ง Smart Mobility, Smart Energy และ Smart Environment จะเป็นต้นแบบที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการเดินทางด้วยยานพาหนะไฟฟ้า และกระตุ้นให้เกิดการยอมรับในวงกว้างยิ่งขึ้น
บทสรุป: อนาคตของการเดินทางในเมืองไทย
สรุปได้ว่า ผังเมืองอัจฉริยะ คือโอกาสทองครั้งสำคัญของจักรยานไฟฟ้าและสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างแท้จริง การผสมผสานระหว่างนโยบายที่ชัดเจน, โครงสร้างพื้นฐานที่เอื้ออำนวย, และเทคโนโลยีที่ทันสมัย กำลังสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์แบบให้กับการเดินทางด้วยพลังงานสะอาด การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรและมลพิษที่เรื้อรัง แต่ยังเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเมือง สร้างสังคมที่น่าอยู่และยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไปในระยะยาว
สำหรับผู้ที่กำลังมองหายานพาหนะที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ ที่เน้นความคล่องตัว ประหยัด และใส่ใจสิ่งแวดล้อม จักรยานไฟฟ้าถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเมืองในอนาคตเป็นอย่างยิ่ง
GIANT Shopping Mall คือศูนย์รวมจักรยานไฟฟ้าทุกประเภท สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า และ E-bike ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการในการเดินทางของคุณ
เยี่ยมชมและค้นหายานพาหนะที่ใช่สำหรับคุณได้แล้ววันนี้
สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ FACEBOOK PAGE หรือ LINE และ ติดต่อ สอบถามเพิ่มเติม ผ่านทางเว็บไซต์
