แผนพัฒนาเมือง 2569: อนาคตเลน E-Bike เพื่อคนกรุงเทพฯ
- ประเด็นสำคัญที่น่าจับตามอง
- ทำความเข้าใจแผนพัฒนาเมือง 2569 และผลกระทบต่อการเดินทาง
- ภาพรวมแผนพัฒนากรุงเทพมหานคร 2569: สู่เมืองน่าอยู่
- นโยบายสิ่งแวดล้อม: ประตูทางอ้อมสู่อนาคต E-Bike ใช่หรือไม่?
- E-Bike และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ในภูมิทัศน์เมืองกรุงฯ ปัจจุบัน
- เลนจักรยานไฟฟ้าโดยเฉพาะ: ภาพอนาคตที่คนเมืองคาดหวัง
- ช่องว่างระหว่างนโยบายและการปฏิบัติ: เหตุใดยังไม่มีเลน E-Bike ที่ชัดเจน
- บทสรุปและแนวโน้มในอนาคต
การพัฒนาระบบคมนาคมในเมืองใหญ่เป็นโจทย์สำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน แผนพัฒนาเมืองจึงเป็นเครื่องมือหลักในการกำหนดทิศทางอนาคตของเมือง ซึ่งรวมถึงการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน
ประเด็นสำคัญที่น่าจับตามอง
- ไม่มีการระบุชัดเจน: แผนพัฒนาเมืองกรุงเทพมหานครปี 2569 ไม่ได้ระบุถึงการสร้างหรือพัฒนา “เลน E-Bike” โดยเฉพาะเจาะจง แต่เน้นกรอบการพัฒนาเมืองในภาพรวม
- นโยบายสิ่งแวดล้อมเป็นแรงผลักดัน: แผนฯ มีมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ เช่น การขยายเขตมลพิษต่ำ (LEZ) ซึ่งอาจส่งเสริมการใช้ยานพาหนะไฟฟ้าอย่าง E-Bike และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าทางอ้อม
- กรอบยุทธศาสตร์ 9 ด้าน: แผนฯ ขับเคลื่อนด้วยยุทธศาสตร์ “9 ดี” ครอบคลุมการพัฒนาทุกมิติของเมือง ตั้งแต่ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม ไปจนถึงการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
- อนาคตยังต้องติดตาม: แม้ปัจจุบันจะยังไม่มีโครงการที่ชัดเจน แต่ทิศทางการพัฒนาเมืองที่มุ่งสู่ Smart City และการลดมลพิษ เปิดโอกาสให้เกิดการพิจารณาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ E-Bike ในอนาคตได้
- ความต้องการของผู้ใช้งาน: การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ใช้ E-Bike และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าในกรุงเทพฯ สร้างแรงกดดันเชิงบวกให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาถึงความจำเป็นของโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับและปลอดภัย
แผนพัฒนาเมือง 2569: อนาคตเลน E-Bike เพื่อคนกรุงเทพฯ กลายเป็นหัวข้อที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ในการแก้ไขปัญหาการจราจรและมลพิษทางอากาศ ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังของเมืองหลวง แผนพัฒนากรุงเทพมหานครฉบับล่าสุดนี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้กรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคน โดยครอบคลุมประเด็นการพัฒนามากกว่า 226 ประเด็น แม้จะไม่มีการกล่าวถึงโครงการสร้างเลนสำหรับจักรยานไฟฟ้า (E-Bike) โดยตรง แต่นโยบายและมาตรการหลายอย่างในแผนฯ กลับมีความเชื่อมโยงและอาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเดินทางในอนาคตได้
ทำความเข้าใจแผนพัฒนาเมือง 2569 และผลกระทบต่อการเดินทาง
แผนพัฒนาเมืองเป็นเอกสารเชิงนโยบายที่กำหนดทิศทางและเป้าหมายการพัฒนาเมืองในระยะยาว สำหรับกรุงเทพมหานคร แผนพัฒนาฉบับปี 2569 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และนโยบายของรัฐบาล โดยมุ่งเน้นการสร้างเมืองที่ยั่งยืน ปลอดภัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดี แผนนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประชาชนทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ชีวิตและเดินทางในกรุงเทพฯ เป็นประจำ เนื่องจากนโยบายต่างๆ ที่กำหนดไว้จะส่งผลต่อโครงสร้างพื้นฐาน ระบบขนส่งสาธารณะ สิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตในภาพรวม การทำความเข้าใจในรายละเอียดของแผนฯ จะช่วยให้มองเห็นภาพอนาคตของการเดินทางในเมือง และประเมินได้ว่ารูปแบบการเดินทางทางเลือก เช่น E-Bike และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า จะมีบทบาทมากขึ้นเพียงใดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ภาพรวมแผนพัฒนากรุงเทพมหานคร 2569: สู่เมืองน่าอยู่
แผนพัฒนากรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2569 ไม่ใช่เพียงแผนการก่อสร้าง แต่เป็นกรอบแนวคิดที่ต้องการเปลี่ยนแปลงเมืองในทุกมิติ เป้าหมายหลักคือการสร้าง “เมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน” ผ่านการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนา โดยแผนดังกล่าวถูกขับเคลื่อนด้วยยุทธศาสตร์หลักที่ครอบคลุมการพัฒนาในหลายด้านพร้อมกัน
หัวใจสำคัญของแผนพัฒนาเมือง 2569 คือการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจ การพัฒนาสังคม และการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครที่มีความยั่งยืนในระยะยาว
กรอบยุทธศาสตร์ 9 ดี: หัวใจของการพัฒนา
ยุทธศาสตร์ “9 ดี” เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนแผนฯ ให้บรรลุเป้าหมาย โดยแต่ละด้านจะมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาและพัฒนาเมืองในมิติต่างๆ ที่สัมพันธ์กัน ซึ่งยุทธศาสตร์เหล่านี้ แม้จะไม่ได้กล่าวถึงเลน E-Bike โดยตรง แต่หลายด้านก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเดินทางและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการส่งเสริมยานพาหนะไฟฟ้า
| ยุทธศาสตร์ | เป้าหมายหลัก | ความเกี่ยวข้องกับการเดินทางและ E-Bike |
|---|---|---|
| ปลอดภัยดี | สร้างเมืองที่ปลอดภัยจากอาชญากรรม อุบัติเหตุ และภัยพิบัติ | การปรับปรุงทางเท้า ทางข้าม และความปลอดภัยบนท้องถนน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ยานพาหนะขนาดเล็ก |
| เดินทางดี | พัฒนาระบบขนส่งสาธารณะให้ครอบคลุม เชื่อมโยง และเข้าถึงง่าย | การส่งเสริมระบบขนส่งมวลชนอาจกระตุ้นให้เกิดความต้องการการเดินทางเชื่อมต่อ (First-mile/Last-mile) ด้วย E-Bike |
| สุขภาพดี | ส่งเสริมสุขภาพที่ดีของประชาชนและสร้างระบบบริการสาธารณสุขที่ทั่วถึง | การลดมลพิษทางอากาศจากการเดินทางด้วยยานยนต์ไฟฟ้าส่งผลดีต่อสุขภาพของประชาชนโดยรวม |
| สิ่งแวดล้อมดี | จัดการมลพิษ เพิ่มพื้นที่สีเขียว และสร้างเมืองที่ยั่งยืน | เป็นยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องโดยตรงที่สุด ผ่านมาตรการลดฝุ่น PM2.5 และการส่งเสริมยานยนต์สะอาด |
| บริหารจัดการดี | เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารภาครัฐ โปร่งใส และมีส่วนร่วม | การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพเป็นรากฐานของการผลักดันโครงการโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ ให้สำเร็จ |
| โครงสร้างดี | พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นให้มีคุณภาพและเพียงพอ | ครอบคลุมการพัฒนาถนน ทางระบายน้ำ และสาธารณูปโภค ซึ่งอาจรวมถึงการพิจารณาทางจักรยานในอนาคต |
| เศรษฐกิจดี | ส่งเสริมเศรษฐกิจและสร้างโอกาสทางอาชีพให้แก่ประชาชน | การเดินทางที่สะดวกและรวดเร็วขึ้นช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ |
| สังคมดี | สร้างสังคมที่เท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำ และเอื้ออาทร | การเดินทางที่เข้าถึงได้และราคาไม่แพงเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมที่เท่าเทียม |
| เรียนดี | ยกระดับคุณภาพการศึกษาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต | ไม่เกี่ยวข้องโดยตรง แต่การเดินทางที่ปลอดภัยช่วยให้นักเรียนนักศึกษาสามารถเดินทางไปสถานศึกษาได้สะดวกขึ้น |
นโยบายสิ่งแวดล้อม: ประตูทางอ้อมสู่อนาคต E-Bike ใช่หรือไม่?
ถึงแม้แผนพัฒนาเมือง 2569 จะยังไม่มีรายละเอียดโครงการเลน E-Bike ที่ชัดเจน แต่ส่วนที่น่าจับตามองมากที่สุดคือมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 มาตรการเหล่านี้อาจกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ผลักดันให้การใช้ยานพาหนะไฟฟ้าส่วนบุคคลได้รับความนิยมและได้รับการสนับสนุนทางนโยบายมากขึ้นในอนาคต
มาตรการเขตมลพิษต่ำ (Low Emission Zone)
หนึ่งในมาตรการสำคัญที่ถูกกล่าวถึงคือการขยาย “เขตมลพิษต่ำ” หรือ Low Emission Zone (LEZ) ให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้ง 50 เขต แนวคิดของ LEZ คือการจำกัดหรือควบคุมยานพาหนะที่ปล่อยมลพิษสูงไม่ให้เข้ามาในพื้นที่ที่กำหนด ซึ่งโดยทั่วไปจะส่งผลให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะหรือยานพาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นโดยปริยาย ในบริบทนี้ E-Bike และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าซึ่งเป็นยานพาหนะที่ไม่มีการปล่อยมลพิษ (Zero-emission) ณ จุดใช้งาน จะกลายเป็นตัวเลือกการเดินทางที่น่าสนใจและสอดคล้องกับนโยบายนี้อย่างสมบูรณ์
การส่งเสริมยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ Green List
แผนฯ ยังกล่าวถึงการส่งเสริมยานยนต์ที่ลดมลพิษผ่านระบบ “Green List” ซึ่งอาจหมายถึงการให้สิทธิประโยชน์หรือแรงจูงใจแก่ผู้ใช้ยานพาหนะที่ผ่านมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม แม้ว่ารายละเอียดของระบบนี้ยังไม่ชัดเจน แต่ก็เป็นสัญญาณบวกที่แสดงให้เห็นถึงทิศทางของภาครัฐในการสนับสนุนเทคโนโลยียานยนต์สะอาด ซึ่ง E-Bike และยานยนต์ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของนโยบายลักษณะนี้ การมีนโยบายสนับสนุนที่ชัดเจนจะช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเดินทางที่ยั่งยืน และอาจนำไปสู่การพิจารณาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น เช่น เลนโดยเฉพาะ ในลำดับถัดไป
พื้นที่สีเขียวในฐานะกำแพงธรรมชาติ
นอกจากการควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษแล้ว แผนฯ ยังเน้นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อทำหน้าที่เป็น “กำแพงกันฝุ่น” และช่วยฟอกอากาศ การพัฒนาสวนสาธารณะและพื้นที่สีเขียวให้เชื่อมต่อกันอาจเปิดโอกาสให้เกิดเส้นทางสัญจรสำหรับจักรยานและ E-Bike ที่ร่มรื่นและปลอดภัย แยกออกจากถนนสายหลักที่มีการจราจรหนาแน่น ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้การเดินทางด้วยยานพาหนะขนาดเล็กน่าสนใจและเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับคนทุกกลุ่ม
E-Bike และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ในภูมิทัศน์เมืองกรุงฯ ปัจจุบัน
ปัจจุบัน การใช้งาน E-Bike และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าในกรุงเทพฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่และวัยทำงานที่มองหาทางเลือกการเดินทางที่คล่องตัว ประหยัด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้านเนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานของเมืองยังไม่ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับยานพาหนะประเภทนี้อย่างเต็มที่
ความท้าทายที่ผู้ใช้งานต้องเผชิญ
ปัญหาหลักที่ผู้ใช้งาน E-Bike และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าต้องเจอคือการขาดโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดภัยและเหมาะสม ผู้ใช้งานส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้ช่องจราจรร่วมกับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูง เนื่องจากความเร็วที่แตกต่างกันและพฤติกรรมการขับขี่บนท้องถนน ในขณะเดียวกัน การใช้ทางเท้าก็เป็นการรบกวนคนเดินเท้าและผิดกฎหมาย เลนจักรยานที่มีอยู่เดิมก็มีจำนวนจำกัด ไม่ต่อเนื่อง และมักมีสิ่งกีดขวาง ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัญหาเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเดินทางรูปแบบใหม่นี้
โอกาสและศักยภาพของการเดินทางด้วยไฟฟ้าส่วนบุคคล
แม้จะมีความท้าทาย แต่ศักยภาพของ E-Bike และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าในการเป็นส่วนหนึ่งของระบบคมนาคมเมืองนั้นมีสูงมาก ยานพาหนะเหล่านี้ตอบโจทย์การเดินทางในระยะใกล้ถึงปานกลางได้อย่างดีเยี่ยม ช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดในชั่วโมงเร่งด่วน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษทางอากาศ อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางและบำรุงรักษาต่ำกว่ารถยนต์ส่วนบุคคลอย่างมาก การส่งเสริมให้มีการใช้งานอย่างแพร่หลายจึงไม่เพียงแต่ช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนและสร้างเมืองที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
เลนจักรยานไฟฟ้าโดยเฉพาะ: ภาพอนาคตที่คนเมืองคาดหวัง
การมีเลนสำหรับ E-Bike โดยเฉพาะ (Dedicated E-Bike Lane) คือภาพอนาคตที่ผู้ใช้งานจำนวนมากคาดหวังให้เกิดขึ้นจริงในกรุงเทพฯ การสร้างโครงสร้างพื้นฐานลักษณะนี้ไม่ได้เป็นเพียงการอำนวยความสะดวก แต่เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนจากภาครัฐว่าสนับสนุนการเดินทางที่ยั่งยืนและให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของประชาชนทุกคนบนท้องถนน
ยกระดับความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน
ประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุดของการมีเลน E-Bike คือการแยกผู้ใช้งานยานพาหนะขนาดเล็กออกจากกระแสการจราจรหลักของรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างมีนัยสำคัญ เลนที่ออกแบบมาอย่างดี มีการตีเส้นแบ่งช่องทางที่ชัดเจน มีสัญลักษณ์และป้ายเตือน รวมถึงมีสิ่งกีดขวางทางกายภาพ (Physical Barrier) ในบางจุด จะสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและทำให้ผู้คนรู้สึกมั่นใจที่จะหันมาใช้ E-Bike ในชีวิตประจำวันมากขึ้น
การเชื่อมต่อการเดินทาง First-mile/Last-mile
E-Bike มีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหา “First-mile/Last-mile” หรือการเดินทางจากบ้านไปยังสถานีรถไฟฟ้า และจากสถานีไปยังที่ทำงาน การมีเครือข่ายเลน E-Bike ที่เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าและจุดสำคัญต่างๆ ทั่วเมือง จะช่วยให้ระบบขนส่งสาธารณะมีประสิทธิภาพและสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ประชาชนสามารถใช้ E-Bike เป็นยานพาหนะเสริมเพื่อเดินทางไปยังระบบขนส่งมวลชนได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ลดการพึ่งพารถยนต์ส่วนบุคคลและช่วยให้การเดินทางโดยรวมคล่องตัวขึ้น
ส่วนหนึ่งของ Smart City และเมืองอัจฉริยะ
การพัฒนาเลน E-Bike สอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ที่มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเมืองและคุณภาพชีวิตของประชาชน ระบบการเดินทางอัจฉริยะ (Smart Mobility) เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของ Smart City ซึ่งการส่งเสริมยานพาหนะไฟฟ้าส่วนบุคคลและการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับถือเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนผ่านไปสู่เมืองแห่งอนาคต
ช่องว่างระหว่างนโยบายและการปฏิบัติ: เหตุใดยังไม่มีเลน E-Bike ที่ชัดเจน
แม้ว่าทิศทางของแผนพัฒนาเมือง 2569 จะสนับสนุนการสร้างเมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่การที่ยังไม่มีการระบุถึงโครงการเลน E-Bike อย่างชัดเจนสะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างระหว่างวิสัยทัศน์เชิงนโยบายและการนำไปปฏิบัติจริง ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ทั้งข้อจำกัดด้านพื้นที่กายภาพของกรุงเทพฯ ที่มีถนนและทางเท้าค่อนข้างแคบ การจัดสรรงบประมาณที่ต้องให้ความสำคัญกับโครงการเร่งด่วนอื่นๆ รวมถึงความซับซ้อนในการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง การผลักดันให้เกิดเลน E-Bike จึงจำเป็นต้องอาศัยการศึกษาความเป็นไปได้อย่างรอบด้าน การวางแผนแม่บทที่ชัดเจน และที่สำคัญคือการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนและผู้ใช้งานจริง เพื่อให้การออกแบบโครงสร้างพื้นฐานสามารถตอบสนองต่อความต้องการและแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด
บทสรุปและแนวโน้มในอนาคต
โดยสรุป แผนพัฒนาเมือง 2569: อนาคตเลน E-Bike เพื่อคนกรุงเทพฯ ยังคงเป็นภาพที่ต้องรอความชัดเจนต่อไป แม้แผนฉบับปัจจุบันจะไม่ได้ระบุถึงโครงการสร้างเลนจักรยานไฟฟ้าโดยตรง แต่กรอบยุทธศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมและการมุ่งสู่การเป็นเมืองน่าอยู่ ถือเป็นรากฐานสำคัญที่อาจนำไปสู่การพิจารณาโครงการดังกล่าวในอนาคต การขยายเขตมลพิษต่ำและการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าเป็นสัญญาณบวกที่ชี้ให้เห็นว่ากรุงเทพมหานครกำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้องในการแก้ไขปัญหาการจราจรและมลพิษอย่างยั่งยืน ผู้ที่สนใจการเดินทางด้วย E-Bike และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจึงควรติดตามประกาศและนโยบายเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพราะอนาคตของการเดินทางในเมืองกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอน
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาทางเลือกในการเดินทางที่ทันสมัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง GIANT Shopping Mall คือศูนย์รวมจักรยานไฟฟ้า สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า และ E-Bikeหลากหลายรุ่น ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองทุกความต้องการ สามารถเยี่ยมชมและเลือกสรรผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมได้ที่ศูนย์บริการ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ FACEBOOK PAGE และ LINE หรือ ติดต่อ สอบถามเพิ่มเติม เพื่อเริ่มต้นประสบการณ์การเดินทางที่ดียิ่งขึ้น
