นโยบายรีไซเคิลแบตฯ E-Bike: เมื่อแบตหมดอายุ จะทิ้งที่ไหน?
การเติบโตของตลาดจักรยานไฟฟ้า หรือ E-Bike ในประเทศไทย นำมาซึ่งคำถามสำคัญด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม นั่นคือ นโยบายรีไซเคิลแบตฯ E-Bike: เมื่อแบตหมดอายุ จะทิ้งที่ไหน? แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนซึ่งเป็นหัวใจของยานพาหนะประเภทนี้ เมื่อเสื่อมสภาพจะกลายเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์อันตรายที่ต้องได้รับการจัดการอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างประโยชน์สูงสุดผ่านกระบวนการรีไซเคิล
- สถานะนโยบายปัจจุบัน: ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายเฉพาะสำหรับการรีไซเคิลแบตเตอรี่ E-Bike แต่กำลังมุ่งหน้าสู่การใช้หลักการ EPR (Extended Producer Responsibility) ที่ให้ผู้ผลิตมีส่วนรับผิดชอบในการจัดการซากผลิตภัณฑ์
- ช่องทางการทิ้งแบตเตอรี่: ผู้ใช้สามารถนำแบตเตอรี่ที่หมดอายุไปทิ้งได้ที่ร้านค้าที่ซื้อมา, ติดต่อผู้ผลิตโดยตรง, นำส่งศูนย์รีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือจุดรับทิ้งขยะอันตรายของหน่วยงานท้องถิ่น
- ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ: ห้ามทิ้งแบตเตอรี่ E-Bike รวมกับขยะทั่วไปโดยเด็ดขาด เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการลัดวงจรและไฟไหม้ ควรมีการป้องกันขั้วแบตเตอรี่ก่อนนำไปทิ้งเสมอ
- ประโยชน์ของการรีไซเคิล: การรีไซเคิลช่วยลดมลพิษ, ลดการฝังกลบขยะอันตราย และสามารถนำแร่ธาตุมีค่า เช่น ลิเธียม, โคบอลต์, และนิกเกิล กลับมาใช้ใหม่ ซึ่งเป็นหัวใจของเศรษฐกิจหมุนเวียน
จักรยานไฟฟ้า (E-Bike) กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างกว้างขวางในฐานะยานพาหนะทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง อย่างไรก็ตาม การเติบโตนี้ได้สร้างความท้าทายใหม่ที่สำคัญ นั่นคือการจัดการแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Li-ion) ที่หมดอายุการใช้งาน ซึ่งหากไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง อาจก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมและอันตรายต่อชุมชนได้ บทความนี้จะเจาะลึกถึงสถานการณ์ปัจจุบันของนโยบายการจัดการแบตเตอรี่, แนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ใช้งานในการทิ้งแบตเตอรี่เก่าอย่างปลอดภัย และภาพรวมของประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากระบบการรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพ
ความสำคัญของหัวข้อนี้ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อพิจารณาถึงนโยบายของภาครัฐที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในภูมิภาค ซึ่งหมายความว่าปริมาณแบตเตอรี่ที่จะเข้าสู่ระบบจะมีจำนวนมหาศาลในอนาคตอันใกล้ ดังนั้น การสร้างความตระหนักรู้ให้แก่ผู้ใช้งาน E-Bike ในปัจจุบันจึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการวางรากฐานสำหรับระบบการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ยั่งยืน การทำความเข้าใจว่าใครมีหน้าที่รับผิดชอบ, ควรนำแบตเตอรี่ไปทิ้งที่ไหน, และมีข้อควรระวังอะไรบ้าง จะช่วยให้การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมยานยนต์ไฟฟ้าเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด
สถานการณ์และนโยบายการจัดการแบตเตอรี่ E-Bike ในประเทศไทย
ปัจจุบัน ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านของการวางโครงสร้างและกฎระเบียบเพื่อรองรับการจัดการซากแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นระบบ แม้จะยังไม่มีกฎหมายที่บังคับใช้โดยตรงสำหรับการรีไซเคิลแบตเตอรี่จาก E-Bike โดยเฉพาะ แต่ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เริ่มดำเนินการศึกษาและวางแนวทางที่ชัดเจนขึ้น เพื่อเตรียมรับมือกับปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ประเภทนี้ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
กฎหมายปัจจุบันและหลักการความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นของผู้ผลิต (EPR)
ในขณะนี้ การจัดการซากแบตเตอรี่ E-Bike ยังคงอ้างอิงอยู่กับกฎหมายการจัดการขยะอันตรายที่มีอยู่เดิม ซึ่งอาจไม่ครอบคลุมรายละเอียดเฉพาะทางของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน อย่างไรก็ตาม แนวคิดที่กำลังได้รับการผลักดันอย่างจริงจังคือ หลักการความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นของผู้ผลิต (Extended Producer Responsibility – EPR) หลักการนี้มีเป้าหมายเพื่อขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิตให้ครอบคลุมตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การออกแบบ, การผลิต, ไปจนถึงการจัดการซากผลิตภัณฑ์หลังสิ้นสุดการใช้งาน
ภายใต้หลักการ EPR ผู้ผลิตแบตเตอรี่, ผู้นำเข้า, และผู้ผลิตจักรยานไฟฟ้า จะต้องมีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งระบบรวบรวมและนำแบตเตอรี่ที่ใช้แล้วกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจรวมถึงการจัดตั้งจุดรับคืน, การให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภค, และการสนับสนุนทางการเงินแก่โรงงานรีไซเคิล แม้ว่าระบบ EPR เต็มรูปแบบจะยังไม่ถูกบังคับใช้ทั่วประเทศ แต่ก็ถือเป็นทิศทางหลักที่ประเทศไทยกำลังมุ่งไปเพื่อสร้างระบบการจัดการที่ยั่งยืน
ทิศทางการขับเคลื่อนของภาครัฐ
กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมโรงงานอุตสาหกรรม และกรมควบคุมมลพิษ ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบนิเวศสำหรับการรีไซเคิลแบตเตอรี่ในประเทศ โดยมีแนวทางการดำเนินงานที่น่าสนใจหลายด้าน:
- การส่งเสริมเทคโนโลยีรีไซเคิล: ภาครัฐสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีในการสกัดแร่ธาตุมีค่าจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใช้แล้ว เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ และสร้างมูลค่าเพิ่มภายในประเทศ
- การใช้งานแบตเตอรี่ในชีวิตที่สอง (Second Life): มีการศึกษาแนวทางการนำแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพจากการใช้งานในยานยนต์ (ความจุเหลือประมาณ 70-80%) มาประยุกต์ใช้ในระบบกักเก็บพลังงานขนาดเล็ก เช่น สำหรับบ้านเรือน หรือสถานีชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นการยืดอายุการใช้งานและใช้ประโยชน์จากแบตเตอรี่ให้คุ้มค่าที่สุดก่อนนำไปรีไซเคิล
- การพัฒนาแบตเตอรี่ทางเลือก: มีการวิจัยและพัฒนาแบตเตอรี่โซเดียมไอออน ซึ่งใช้วัตถุดิบที่สามารถหาได้ง่ายในประเทศ เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งและลดการพึ่งพาลิเธียมในระยะยาว
ทิศทางเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการสร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งการจัดการแบตเตอรี่ E-Bike ถือเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของภาพรวมนี้
เมื่อแบตเตอรี่ E-Bike หมดอายุ: ตัวเลือกในการทิ้งอย่างถูกวิธี
แม้ว่าระบบการรวบรวมและรีไซเคิลแบบบังคับทั่วประเทศจะยังไม่เกิดขึ้น แต่ผู้ใช้งาน E-Bike ในปัจจุบันมีหลายช่องทางในการกำจัดแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพแล้วอย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม การเลือกช่องทางที่เหมาะสมจะช่วยให้แบตเตอรี่เก่าถูกส่งต่อไปยังกระบวนการจัดการที่ถูกต้อง แทนที่จะกลายเป็นขยะอันตรายในบ่อฝังกลบ
1. การส่งคืนที่ร้านค้าหรือตัวแทนจำหน่าย (Retailer Take-Back)
นี่เป็นหนึ่งในวิธีที่สะดวกที่สุดสำหรับผู้ใช้งาน โดยร้านค้าที่จำหน่ายจักรยานไฟฟ้าหลายแห่งมีนโยบายรับคืนแบตเตอรี่เก่าจากลูกค้า โดยเฉพาะเมื่อลูกค้าต้องการซื้อแบตเตอรี่ก้อนใหม่เพื่อเปลี่ยนทดแทน ร้านค้าเหล่านี้มักจะทำหน้าที่เป็นจุดรวบรวมเบื้องต้น ก่อนที่จะส่งต่อแบตเตอรี่ที่รวบรวมได้ไปยังผู้ผลิตหรือบริษัทรีไซเคิลที่ทำงานร่วมกัน ขอแนะนำให้สอบถามกับร้านค้าที่ซื้อจักรยานไฟฟ้ามาโดยตรงเกี่ยวกับนโยบายการรับคืนแบตเตอรี่
2. โปรแกรมรับคืนโดยตรงจากผู้ผลิต (Manufacturer Programs)
ผู้ผลิตจักรยานไฟฟ้าหรือแบตเตอรี่แบรนด์ชั้นนำบางรายอาจมีโปรแกรมรับคืนผลิตภัณฑ์ของตนเองโดยตรง เพื่อนำไปจัดการรีไซเคิลตามมาตรฐานของบริษัท ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรมเหล่านี้ได้จากเว็บไซต์ทางการ, คู่มือผลิตภัณฑ์ หรือติดต่อศูนย์บริการลูกค้าของแบรนด์นั้นๆ วิธีนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าแบตเตอรี่จะถูกนำไปจัดการโดยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์โดยตรง
3. ศูนย์รีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะ (E-Waste Recycling Centers)
ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและเมืองใหญ่บางแห่ง มีศูนย์ที่รับรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะ ซึ่งมีความสามารถในการจัดการกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนได้อย่างปลอดภัย ศูนย์เหล่านี้จะมีกระบวนการคัดแยกและส่งต่อวัสดุไปยังโรงงานรีไซเคิลที่ได้มาตรฐาน ผู้ใช้งานสามารถค้นหาข้อมูลและที่ตั้งของศูนย์เหล่านี้ได้จากเว็บไซต์ของหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ หรือผ่านแอปพลิเคชันเกี่ยวกับการจัดการขยะ
4. จุดรวบรวมขยะอันตรายของหน่วยงานท้องถิ่น
เทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตำบลในหลายพื้นที่มักมีการจัดกิจกรรมรวบรวมขยะอันตรายจากชุมชนเป็นประจำ ซึ่ง “แบตเตอรี่” ถือเป็นหนึ่งในประเภทขยะอันตรายที่รับรวบรวม นอกจากนี้ บางห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าขนาดใหญ่อาจมีจุดตั้งกล่องรับทิ้งแบตเตอรี่ขนาดเล็ก ซึ่งแม้จะเน้นแบตเตอรี่จากอุปกรณ์พกพา แต่ก็สามารถสอบถามได้ว่ารับแบตเตอรี่ E-Bike ด้วยหรือไม่ การติดตามข่าวสารจากหน่วยงานท้องถิ่นเป็นวิธีที่ดีในการหาจุดทิ้งที่ใกล้บ้าน
| วิธีการทิ้ง | ความสะดวก | ความน่าเชื่อถือ | ข้อควรพิจารณา |
|---|---|---|---|
| ร้านค้า/ตัวแทนจำหน่าย | สูง (มักอยู่ที่เดิมกับที่ซื้อ) | สูง | ควรสอบถามนโยบายของแต่ละร้านล่วงหน้า |
| ผู้ผลิตโดยตรง | ปานกลาง (อาจต้องจัดส่ง) | สูงมาก | ตรวจสอบขั้นตอนและค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง (ถ้ามี) |
| ศูนย์รีไซเคิล E-Waste | ต่ำ (มีจำนวนจำกัดและอาจอยู่ไกล) | สูงมาก | เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงศูนย์ |
| หน่วยงานท้องถิ่น | ปานกลาง (จัดเป็นรอบๆ) | สูง | ต้องติดตามกำหนดการจัดกิจกรรมของหน่วยงาน |
ข้อควรระวังและแนวทางปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน แม้จะหมดอายุการใช้งานแล้ว แต่ยังคงมีพลังงานหลงเหลืออยู่และประกอบด้วยสารเคมีที่ไวต่อปฏิกิริยา การจัดการที่ไม่ถูกต้องอาจนำไปสู่เหตุการณ์อันตราย เช่น การลัดวงจร, ความร้อนสูง, หรือแม้กระทั่งการเกิดเพลิงไหม้ได้ ดังนั้น การปฏิบัติตามข้อควรระวังด้านความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถละเลยได้
การป้องกันอันตรายเบื้องต้น
ก่อนนำแบตเตอรี่ไปกำจัด ควรปฏิบัติตามขั้นตอนพื้นฐานเพื่อลดความเสี่ยงดังต่อไปนี้:
- ห้ามทิ้งรวมกับขยะทั่วไป: นี่คือข้อห้ามที่สำคัญที่สุด การทิ้งแบตเตอรี่ E-Bike ในถังขยะทั่วไปหรือรถเก็บขยะ อาจทำให้แบตเตอรี่ถูกกระแทกหรือเจาะทะลุระหว่างการบีบอัดขยะ ซึ่งเป็นสาเหตุโดยตรงของการลัดวงจรและไฟไหม้ที่รุนแรงได้
- ป้องกันขั้วแบตเตอรี่ (Terminal Protection): ขั้วบวกและขั้วลบของแบตเตอรี่ที่เปิดโล่งอาจสัมผัสกับวัตถุที่เป็นโลหะโดยบังเอิญและเกิดการลัดวงจรได้ ควรใช้เทปฉนวนไฟฟ้า (เทปพันสายไฟ) ปิดทับขั้วแบตเตอรี่ทั้งสองด้านให้มิดชิด เพื่อป้องกันการสัมผัสโดยไม่ตั้งใจ
- ตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่: หากแบตเตอรี่มีอาการบวม, แตก, รั่ว หรือมีความเสียหายทางกายภาพที่เห็นได้ชัด ควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษในการจัดการ อาจต้องใส่ในภาชนะที่ทนทานและไม่ติดไฟ เช่น ถังโลหะที่มีทรายรอง ก่อนนำไปส่งมอบให้ผู้เชี่ยวชาญ
การทิ้งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเพียงก้อนเดียวในถังขยะทั่วไป อาจเป็นต้นเหตุของเพลิงไหม้ที่ลุกลามในโรงคัดแยกขยะหรือบ่อฝังกลบ สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและเป็นอันตรายต่อชีวิตของเจ้าหน้าที่ได้
ข้อปฏิบัติในการจัดเก็บและขนส่ง
ระหว่างรอการนำไปกำจัดและการขนส่ง ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้:
- ระยะเวลาในการจัดเก็บ: ไม่ควรเก็บแบตเตอรี่ที่หมดอายุไว้ในบ้านเป็นเวลานานเกินความจำเป็น โดยทั่วไปแล้วควรนำไปรีไซเคิลภายใน 6 เดือนหลังจากเลิกใช้งาน เพื่อลดความเสี่ยงจากการเสื่อมสภาพของสารเคมีภายใน
- การจัดเก็บ: ควรเก็บแบตเตอรี่ในที่แห้ง, เย็น และห่างจากวัตถุไวไฟหรือแหล่งความร้อน เช่น แสงแดดโดยตรง หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สร้างความร้อน
- การขนส่งอย่างปลอดภัย: ขณะนำแบตเตอรี่ไปยังจุดรับคืน ควรจัดวางในตำแหน่งที่มั่นคง ไม่ให้เกิดการกลิ้งหรือกระแทกอย่างรุนแรง อาจห่อหุ้มด้วยวัสดุกันกระแทกและวางแยกจากวัตถุอื่นๆ โดยเฉพาะวัตถุที่เป็นโลหะ
- ตรวจสอบข้อกำหนดท้องถิ่น: บางพื้นที่อาจมีข้อบังคับหรือคำแนะนำเฉพาะเกี่ยวกับการขนส่งแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ควรตรวจสอบข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหากไม่แน่ใจ
ประโยชน์ของการรีไซเคิลแบตเตอรี่อย่างถูกวิธี
การนำแบตเตอรี่ E-Bike ที่หมดอายุเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลที่ถูกต้องไม่ได้เป็นเพียงการกำจัดขยะอันตรายให้พ้นจากบ้านเท่านั้น แต่ยังสร้างประโยชน์อย่างมหาศาลทั้งในมิติของสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ
ผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนประกอบด้วยโลหะหนักและสารเคมีหลายชนิด หากถูกนำไปฝังกลบอย่างไม่ถูกวิธี สารเคมีเหล่านี้อาจรั่วไหลลงสู่ดินและแหล่งน้ำ ก่อให้เกิดมลพิษที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและสุขภาพของมนุษย์ในระยะยาว การรีไซเคิลจึงเป็นวิธีการที่ช่วยป้องกันปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยลดภาระของหน่วยงานท้องถิ่นในการจัดการพื้นที่ฝังกลบขยะอันตราย ซึ่งมีต้นทุนสูงและมีพื้นที่จำกัด
การขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
หัวใจของเศรษฐกิจหมุนเวียนคือการนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แบตเตอรี่ E-Bike ที่ใช้แล้วเปรียบเสมือน “เหมืองแร่ในเมือง” (Urban Mine) ที่อุดมไปด้วยวัตถุดิบมีค่าซึ่งสามารถสกัดและนำกลับมาใช้ในการผลิตแบตเตอรี่ก้อนใหม่ได้ วัตถุดิบเหล่านี้ประกอบด้วย:
- ลิเธียม (Lithium)
- โคบอลต์ (Cobalt)
- นิกเกิล (Nickel)
- แมงกานีส (Manganese)
การรีไซเคิลเพื่อนำแร่ธาตุเหล่านี้กลับมาใช้ใหม่ช่วยลดความจำเป็นในการทำเหมืองแร่ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง ทั้งยังช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ สร้างความมั่นคงทางด้านวัตถุดิบให้กับอุตสาหกรรมการผลิตแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้าของไทยในอนาคต ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานและพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องภายในประเทศต่อไป
สรุปและแนวโน้มในอนาคต
การจัดการแบตเตอรี่ E-Bike ที่หมดอายุเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้ใช้งานทุกคนควรให้ความใส่ใจ แม้ปัจจุบันประเทศไทยจะยังไม่มีระบบบังคับรีไซเคิลที่ครอบคลุมทั่วประเทศ แต่ก็มีช่องทางที่ปลอดภัยและมีความรับผิดชอบให้เลือกใช้บริการอยู่หลายช่องทาง ตั้งแต่การนำกลับไปคืนที่ร้านค้า, การติดต่อผู้ผลิต, หรือการนำส่งศูนย์รีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์โดยตรง สิ่งสำคัญที่สุดคือการไม่ทิ้งแบตเตอรี่รวมกับขยะในครัวเรือน และปฏิบัติตามคำแนะนำด้านความปลอดภัยเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
ในอนาคตอันใกล้ คาดว่าภาครัฐจะมีการออกกฎหมายและนโยบายที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการผลักดันหลักการ EPR ให้เกิดขึ้นจริง ซึ่งจะทำให้ผู้ผลิตและผู้นำเข้าต้องเข้ามามีบทบาทในการสร้างระบบรวบรวมและรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกัน การพัฒนาเทคโนโลยีรีไซเคิลในประเทศก็จะช่วยเปลี่ยนซากแบตเตอรี่ที่เคยเป็นเพียงขยะอันตรายให้กลายเป็นแหล่งวัตถุดิบที่มีค่า สนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ยั่งยืนให้กับประเทศต่อไป
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาจักรยานไฟฟ้า หรือต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลรักษาและการจัดการแบตเตอรี่ สามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้ที่ GIANT Shopping Mall ซึ่งเป็นศูนย์รวมจำหน่ายจักรยานไฟฟ้าทุกประเภท สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า และ E-Bike ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการ พร้อมทีมงานที่เชี่ยวชาญพร้อมให้คำแนะนำ
สามารถติดต่อเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ FACEBOOK PAGE หรือ LINE และ ติดต่อ สอบถามเพิ่มเติม ผ่านทางเว็บไซต์ได้โดยตรง
