สถานีสลับแบตฯ E-Bike: อนาคตใหม่ของการชาร์จในไทย?
การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยที่เริ่มเห็นการใช้งานจักรยานยนต์ไฟฟ้าหรือ E-Bike เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญที่ผู้ใช้ต้องเผชิญคือระยะเวลาการชาร์จที่ยาวนานและข้อจำกัดของสถานีชาร์จสาธารณะ ด้วยเหตุนี้ แนวคิดเรื่อง สถานีสลับแบตฯ E-Bike: อนาคตใหม่ของการชาร์จในไทย? จึงกลายเป็นทางออกที่น่าสนใจและมีศักยภาพในการปฏิวัติวงการยานยนต์ไฟฟ้าสองล้อ
- สถานีสลับแบตเตอรี่ (Battery Swapping Station) ช่วยลดระยะเวลาในการเติมพลังงานของ E-Bike จากหลายชั่วโมงเหลือเพียงไม่กี่นาที เพิ่มความสะดวกและประสิทธิภาพในการใช้งาน
- ผู้ประกอบการรายใหญ่ในไทยหลายรายได้เริ่มลงทุนและขยายเครือข่ายสถานีสลับแบตเตอรี่อย่างจริงจัง โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น
- โมเดล Battery-as-a-Service (BaaS) ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเริ่มต้นในการเป็นเจ้าของ E-Bike ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงยานยนต์ไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น โดยจ่ายค่าบริการเป็นรายครั้งหรือรายเดือน
- ธุรกิจขนส่งและเดลิเวอรี่เป็นกลุ่มผู้ใช้งานหลักที่ผลักดันการเติบโตของตลาดนี้ เนื่องจากต้องการความรวดเร็วและความต่อเนื่องในการใช้งานรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า
- ความท้าทายที่สำคัญยังคงเป็นการสร้างมาตรฐานแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานร่วมกันได้ระหว่างผู้ให้บริการแต่ละค่าย เพื่อสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์และเอื้อต่อผู้ใช้งานในวงกว้าง
แนวคิดเรื่อง สถานีสลับแบตฯ E-Bike: อนาคตใหม่ของการชาร์จในไทย? กำลังได้รับความสนใจอย่างสูงในฐานะนวัตกรรมที่จะเข้ามาแก้ไขจุดอ่อนสำคัญของยานยนต์ไฟฟ้าสองล้อ นั่นคือระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ เทคโนโลยีนี้เปรียบเสมือนการเติมน้ำมันในยุคปัจจุบัน โดยผู้ใช้งานสามารถนำแบตเตอรี่ที่พลังงานใกล้หมดมาสับเปลี่ยนกับแบตเตอรี่ที่ชาร์จเต็มแล้วได้ทันทีภายในเวลาไม่กี่นาที ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการชาร์จแบบดั้งเดิมที่ต้องรอเป็นเวลาหลายชั่วโมง ความรวดเร็วและความสะดวกสบายนี้ทำให้สถานีสลับแบตเตอรี่มีศักยภาพที่จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่ช่วยเร่งการยอมรับและการใช้งานจักรยานไฟฟ้าในประเทศไทยให้แพร่หลายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการความต่อเนื่องในการเดินทาง เช่น กลุ่มธุรกิจเดลิเวอรี่และผู้ที่ใช้รถในการประกอบอาชีพ
ภาพรวมของเทคโนโลยีสลับแบตเตอรี่
เทคโนโลยีสลับแบตเตอรี่ไม่ใช่แนวคิดใหม่ทั้งหมด แต่ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงจนมีความเสถียรและประสิทธิภาพสูงในปัจจุบัน หลักการของมันคือการสร้างระบบนิเวศที่แบตเตอรี่กลายเป็นบริการ (Service) แทนที่จะเป็นสินทรัพย์ (Asset) ที่ผู้ใช้ต้องเป็นเจ้าของและดูแลรักษาเอง โมเดลนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากความสำเร็จในหลายประเทศ โดยเฉพาะไต้หวันที่มีเครือข่ายสถานีสลับแบตเตอรี่อย่างครอบคลุม ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถใช้งานได้จริงและเป็นที่ยอมรับในตลาดวงกว้าง
ทำไมการสลับแบตเตอรี่จึงเป็นคำตอบ
ในบริบทของประเทศไทย ซึ่งมีจำนวนผู้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นอันดับต้นๆ ของโลก การเปลี่ยนมาใช้จักรยานไฟฟ้าหรือ E-Bike ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ผู้ใช้ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในที่พักอาศัยรวม เช่น อพาร์ตเมนต์ หรือคอนโดมิเนียม ซึ่งอาจไม่มีจุดชาร์จส่วนตัวที่สะดวกและปลอดภัย การรอชาร์จเป็นเวลา 4-6 ชั่วโมงจึงไม่ตอบโจทย์วิถีชีวิตที่เร่งรีบ สถานีสลับแบตเตอรี่เข้ามาแก้ปัญหานี้โดยตรง โดยเปลี่ยนกระบวนการ “ชาร์จ” เป็น “สับเปลี่ยน” ซึ่งใช้เวลาใกล้เคียงกับการเติมน้ำมัน ช่วยขจัดความกังวลเรื่องระยะทาง (Range Anxiety) และทำให้การใช้งาน E-Bike มีความยืดหยุ่นไม่ต่างจากรถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
กลุ่มเป้าหมายหลักที่ได้รับประโยชน์
กลุ่มผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีนี้ในระยะแรกคือกลุ่มผู้ใช้งานเชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะพนักงานในธุรกิจเดลิเวอรี่และขนส่งสินค้า (Last-mile delivery) ซึ่งใช้รถจักรยานยนต์เป็นเครื่องมือหลักในการทำงาน การหยุดรถเพื่อรอชาร์จแบตเตอรี่หมายถึงการสูญเสียรายได้และโอกาสทางธุรกิจ สถานีสลับแบตเตอรี่จึงเป็นโซลูชันที่สมบูรณ์แบบที่ช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ กลุ่มผู้ใช้งานทั่วไปที่เดินทางในเมืองเป็นประจำก็เป็นอีกหนึ่งตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการเดินทางในชีวิตประจำวัน
เจาะลึกโมเดลสถานีสลับแบตเตอรี่
เบื้องหลังความสะดวกสบายของสถานีสลับแบตเตอรี่คือระบบการทำงานและโมเดลธุรกิจที่ถูกออกแบบมาอย่างดี เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด การทำความเข้าใจองค์ประกอบเหล่านี้จะช่วยให้เห็นภาพรวมของระบบนิเวศทั้งหมดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
นิยามและหลักการทำงานพื้นฐาน
สถานีสลับแบตเตอรี่ คือ ตู้ชาร์จขนาดใหญ่ที่บรรจุแบตเตอรี่สำหรับ E-Bike ไว้หลายก้อน โดยแบตเตอรี่เหล่านี้จะถูกชาร์จไฟและดูแลรักษาสภาพให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ กระบวนการสำหรับผู้ใช้โดยทั่วไปมีความเรียบง่ายและรวดเร็ว ซึ่งมักจะประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก:
- Scan (สแกน): ผู้ใช้เริ่มต้นกระบวนการผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน โดยการสแกน QR Code ที่สถานีเพื่อระบุตัวตนและยืนยันการทำรายการ
- Swap (สับเปลี่ยน): หลังจากระบบยืนยันตัวตนแล้ว ช่องเก็บแบตเตอรี่ที่ชาร์จเต็มจะปลดล็อกโดยอัตโนมัติ ผู้ใช้นำแบตเตอรี่เก่าออกจากรถแล้วใส่เข้าไปในช่องที่ว่าง จากนั้นจึงหยิบแบตเตอรี่ใหม่ที่ชาร์จเต็มแล้วออกมา
- Start (เริ่มต้นเดินทาง): นำแบตเตอรี่ก้อนใหม่ใส่กลับเข้าไปในรถและสามารถออกเดินทางต่อได้ทันที กระบวนการทั้งหมดนี้ใช้เวลาเฉลี่ยเพียง 1-2 นาทีเท่านั้น
ระบบหลังบ้านจะทำหน้าที่ตรวจสอบสถานะของแบตเตอรี่ที่ถูกนำมาคืน จัดการคิวการชาร์จ และดูแลสภาพของแบตเตอรี่ทุกลูกให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด
โมเดลธุรกิจ Battery-as-a-Service (BaaS)
หนึ่งในนวัตกรรมสำคัญที่มาพร้อมกับสถานีสลับแบตเตอรี่คือโมเดลธุรกิจที่เรียกว่า Battery-as-a-Service (BaaS) หรือ “แบตเตอรี่ในรูปแบบบริการ” แนวคิดนี้คือการแยกราคาของแบตเตอรี่ออกจากตัวรถจักรยานไฟฟ้า เนื่องจากแบตเตอรี่เป็นส่วนประกอบที่มีราคาสูงที่สุด (ประมาณ 30-40% ของราคารถ) การนำส่วนนี้ออกไปทำให้ราคารถ E-Bike ถูกลงอย่างมากและผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น
ภายใต้โมเดล BaaS ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องซื้อแบตเตอรี่เป็นของตัวเอง แต่จะชำระค่าบริการเพื่อเข้าถึงเครือข่ายแบตเตอรี่ที่พร้อมใช้งานตลอดเวลาแทน รูปแบบค่าบริการอาจเป็นแบบจ่ายตามการใช้งานจริง (Pay-per-swap) หรือแบบสมัครสมาชิกรายเดือน (Subscription) ซึ่งให้สิทธิ์ในการสลับแบตเตอรี่ได้ไม่จำกัดหรือตามแพ็กเกจที่เลือก โมเดลนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนเริ่มต้น แต่ยังช่วยลดความกังวลเรื่องการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ในระยะยาวอีกด้วย เนื่องจากผู้ให้บริการจะเป็นผู้รับผิดชอบในการบำรุงรักษาและเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพเอง
สถานการณ์ตลาดสถานีสลับแบตเตอรี่ในประเทศไทย
ประเทศไทยกำลังกลายเป็นสมรภูมิที่น่าจับตามองสำหรับธุรกิจสถานีสลับแบตเตอรี่ โดยมีผู้เล่นทั้งจากอุตสาหกรรมยานยนต์และพลังงานกระโดดเข้ามาลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับผู้บริโภคและเป็นแรงผลักดันสำคัญที่จะทำให้เทคโนโลยีนี้เกิดขึ้นจริงในวงกว้าง
ผู้เล่นรายสำคัญในสนาม
ปัจจุบันมีผู้ให้บริการหลักหลายรายที่กำลังขยายเครือข่ายสถานีสลับแบตเตอรี่ในไทยอย่างแข็งขัน:
- Honda e: SWAP: ค่ายรถจักรยานยนต์ยักษ์ใหญ่ได้เปิดตัวสถานีสลับแบตเตอรี่ของตนเอง โดยมุ่งเน้นการให้บริการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก ปัจจุบันมีสถานีให้บริการแล้วกว่า 30 แห่ง จุดเด่นคือการผสานเทคโนโลยีเข้ากับความน่าเชื่อถือของแบรนด์ ทำให้ผู้ใช้มั่นใจในคุณภาพและบริการ
- Swap & Go: เป็นโครงการที่เกิดจากความร่วมมือในกลุ่ม ปตท. ซึ่งมีความแข็งแกร่งด้านเครือข่ายสถานีบริการพลังงานอยู่แล้ว โดยมีเป้าหมายในการสร้างระบบนิเวศของแบตเตอรี่ที่เป็นมาตรฐานกลาง (Universal Battery) ที่สามารถใช้ร่วมกับรถ E-Bike ได้หลากหลายยี่ห้อ ปัจจุบันมีสถานีมากกว่า 30 แห่งและมีแผนขยายเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่ออำนวยความสะดวกในการค้นหาสถานีและจองแบตเตอรี่ล่วงหน้า
- ความร่วมมือระหว่าง บ้านปู เน็กซ์ และ โอยิกะ (Oyika): เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทพลังงานของไทยและสตาร์ทอัพจากสิงคโปร์ เพื่อขยายเครือข่ายสถานีสลับแบตเตอรี่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้โมเดล BaaS เป็นจุดขายหลัก เพื่อเจาะตลาดกลุ่มผู้ใช้งานเชิงพาณิชย์และผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการความคุ้มค่า
แรงขับเคลื่อนจากภาคธุรกิจเดลิเวอรี่
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของธุรกิจ Food Delivery และ E-commerce ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นปัจจัยสำคัญที่เร่งให้เกิดความต้องการใช้งานรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าและสถานีสลับแบตเตอรี่ ไรเดอร์จำนวนมากต้องการยานพาหนะที่ประหยัดพลังงานและมีต้นทุนการดำเนินงานต่ำ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน การรอชาร์จแบตเตอรี่จึงเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้เสียเวลาและรายได้
สถานีสลับแบตเตอรี่จึงเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มธุรกิจเดลิเวอรี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะช่วยลดเวลาหยุดพักรถ (Downtime) ให้เหลือน้อยที่สุด ทำให้ไรเดอร์สามารถวิ่งงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและสร้างรายได้มากขึ้น ผู้ให้บริการสถานีหลายรายจึงมุ่งเป้าไปที่การสร้างพันธมิตรกับแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ต่างๆ เพื่อขยายฐานผู้ใช้งานในกลุ่มนี้โดยเฉพาะ
วิเคราะห์ข้อดีและความท้าทายของระบบสลับแบตเตอรี่
แม้ว่าเทคโนโลยีสลับแบตเตอรี่จะมีศักยภาพสูง แต่การนำมาปรับใช้ในวงกว้างยังคงมีทั้งโอกาสและอุปสรรคที่ต้องพิจารณา การทำความเข้าใจทั้งสองด้านจะช่วยให้เห็นภาพที่สมบูรณ์ของอนาคตเทคโนโลยีนี้ในประเทศไทย
| ปัจจัย | ข้อดี (Advantages) | ความท้าทาย (Challenges) |
|---|---|---|
| ความเร็วและความสะดวก | ใช้เวลาสับเปลี่ยนแบตเตอรี่เพียง 1-2 นาที รวดเร็วกว่าการชาร์จแบบเดิมหลายเท่า ทำให้ใช้งานรถได้อย่างต่อเนื่อง | ผู้ใช้อาจต้องเดินทางไปยังสถานีที่ใกล้ที่สุด ซึ่งอาจไม่สะดวกเท่ากับการชาร์จที่บ้านหากสถานียังไม่ครอบคลุม |
| ต้นทุนการเป็นเจ้าของ | โมเดล BaaS ช่วยลดราคาเริ่มต้นของตัวรถ E-Bike ลงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่ายขึ้น | ในระยะยาว ค่าบริการแบบรายเดือนอาจสูงกว่าค่าไฟฟ้าที่ใช้ชาร์จเองที่บ้าน ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งาน |
| การบำรุงรักษาแบตเตอรี่ | ผู้ให้บริการเป็นผู้ดูแลและรับผิดชอบสภาพของแบตเตอรี่ทั้งหมด ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ | คุณภาพและอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ในระบบขึ้นอยู่กับมาตรฐานการจัดการของผู้ให้บริการแต่ละราย |
| มาตรฐานและความเข้ากันได้ | ช่วยสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งหากสามารถสร้างมาตรฐานกลางได้สำเร็จ ทำให้ผู้ใช้มีทางเลือกหลากหลาย | ปัจจุบันแบตเตอรี่ของผู้ให้บริการแต่ละค่ายยังไม่สามารถใช้งานข้ามแพลตฟอร์มกันได้ ทำให้เกิดการผูกขาดกับแบรนด์ (Vendor Lock-in) |
| โครงสร้างพื้นฐาน | สามารถติดตั้งได้ในพื้นที่จำกัด เช่น หน้า-ร้านสะดวกซื้อ, สถานีบริการน้ำมัน, หรือจุดจอดรถต่างๆ | ต้องใช้เงินลงทุนสูงในการขยายเครือข่ายสถานีให้ครอบคลุมและเพียงพอต่อความต้องการของผู้ใช้งาน |
ทิศทางอนาคตและผลกระทบในวงกว้าง
การมาถึงของสถานีสลับแบตเตอรี่ไม่ได้เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงวิธีการเติมพลังงานให้กับ E-Bike เท่านั้น แต่ยังมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยในระยะยาว
นวัตกรรมและมาตรฐานกลาง
ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดในเวลานี้คือการสร้าง “มาตรฐานกลาง” ของแบตเตอรี่ เช่นเดียวกับที่หัวจ่ายน้ำมันสามารถใช้กับรถได้ทุกยี่ห้อ หากผู้ให้บริการและผู้ผลิตรถ E-Bike สามารถตกลงร่วมกันพัฒนารูปแบบ ขนาด และช่องเชื่อมต่อของแบตเตอรี่ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันได้ จะเป็นการปลดล็อกศักยภาพของตลาดอย่างมหาศาล ผู้ใช้งานจะสามารถสลับแบตเตอรี่ที่สถานีใดก็ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเข้ากันได้ ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันด้านบริการและราคาที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคสูงสุด
นอกจากนี้ เทคโนโลยีในอนาคตอาจมีการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยบริหารจัดการเครือข่าย เช่น การพยากรณ์ความต้องการแบตเตอรี่ในแต่ละพื้นที่เพื่อจัดส่งไปเติมให้ทันท่วงที หรือการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อยืดอายุการใช้งานและวางแผนการรีไซเคิลแบตเตอรี่ที่หมดอายุอย่างมีประสิทธิภาพ
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมไทย
การเติบโตของระบบนิเวศสถานีสลับแบตเตอรี่จะช่วยสนับสนุนเป้าหมายของภาครัฐในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญในภูมิภาค อีกทั้งยังสร้างโอกาสทางธุรกิจและอาชีพใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตแบตเตอรี่ การติดตั้งและบำรุงรักษาสถานี และการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์
ในมิติของสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมให้คนหันมาใช้ E-Bike ผ่านระบบสลับแบตเตอรี่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษทางอากาศในเขตเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ที่เป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญ นอกจากนี้ ระบบการจัดการแบตเตอรี่แบบรวมศูนย์ยังเอื้อให้เกิดกระบวนการรีไซเคิลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าการปล่อยให้ผู้ใช้จัดการแบตเตอรี่เก่าด้วยตนเอง ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญสู่นโยบายพลังงานสะอาดและการพัฒนาที่ยั่งยืน
บทสรุป: ก้าวต่อไปของยานยนต์ไฟฟ้าสองล้อในไทย
สถานีสลับแบตฯ E-Bike ไม่ใช่เพียงแค่เทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นคำตอบที่มีศักยภาพสูงในการปลดล็อกอุปสรรคสำคัญของการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ด้วยความสามารถในการลดเวลาเติมพลังงานให้เหลือเพียงไม่กี่นาที ประกอบกับโมเดลธุรกิจ BaaS ที่ช่วยลดต้นทุนการเป็นเจ้าของ ทำให้ E-Bike กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับคนทุกกลุ่ม
แม้จะยังมีความท้าทายในเรื่องการสร้างมาตรฐานกลางและการขยายเครือข่ายให้ครอบคลุม แต่ด้วยการลงทุนอย่างจริงจังจากผู้เล่นรายใหญ่ และแรงขับเคลื่อนจากภาคธุรกิจเดลิเวอรี่ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด ก็เป็นที่คาดการณ์ได้ว่าอนาคตที่ผู้ใช้จักรยานไฟฟ้าสามารถสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้อย่างสะดวกสบายตามหัวมุมถนนต่างๆ นั้นอยู่ไม่ไกลเกินจริง เทคโนโลยีนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงอนาคตของการชาร์จ แต่เป็นอนาคตของการเดินทางที่สะอาด สะดวก และยั่งยืนสำหรับทุกคน
สำหรับผู้ที่สนใจในเทคโนโลยีจักรยานไฟฟ้าและกำลังมองหายานพาหนะที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ GIANT Shopping Mall คือศูนย์รวมจักรยานไฟฟ้าทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า หรือ E-Bike ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองทุกความต้องการในการเดินทางของคุณ
สามารถเยี่ยมชมสินค้าและรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญได้ที่ ติดต่อ สอบถามเพิ่มเติม หรือติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นพิเศษผ่านช่องทาง FACEBOOK PAGE และ LINE
