“`html
สถานีสลับแบตฯ E-Bike: อนาคตการชาร์จในเมือง?
การเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะจักรยานไฟฟ้าหรือ E-Bike ในเขตเมือง กำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญด้านระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งโมเดลธุรกิจ สถานีสลับแบตฯ E-Bike: อนาคตการชาร์จในเมือง? ได้เข้ามาเป็นทางออกที่น่าสนใจ โดยนำเสนอวิธีการ “สลับ” แบตเตอรี่ที่หมดแล้วกับแบตเตอรี่ที่ชาร์จเต็ม แทนการรอชาร์จแบบดั้งเดิมที่ใช้เวลาหลายชั่วโมง
ประเด็นสำคัญของเทคโนโลยีสลับแบตเตอรี่
- ลดระยะเวลาการรอคอย: ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ภายในเวลาไม่เกิน 5 นาที ซึ่งรวดเร็วกว่าการชาร์จปกติที่อาจใช้เวลานานถึง 2-3 ชั่วโมงอย่างมีนัยสำคัญ
- ประหยัดค่าใช้จ่ายเริ่มต้น: โมเดล “Battery-as-a-Service” (BaaS) หรือการเช่าแบตเตอรี่ ช่วยลดต้นทุนในการเป็นเจ้าของ E-Bike เนื่องจากผู้ซื้อไม่ต้องรับภาระค่าแบตเตอรี่ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่มีราคาสูง
- สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสะอาด: การชาร์จแบตเตอรี่ในสถานีกลางช่วยให้สามารถบริหารจัดการการใช้ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดภาระในช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง และส่งเสริมเป้าหมายการเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City)
- ความท้าทายด้านมาตรฐาน: อุปสรรคสำคัญที่สุดคือการขาดมาตรฐานแบตเตอรี่ที่เป็นสากล ทำให้แบตเตอรี่จากผู้ให้บริการรายหนึ่งอาจไม่สามารถใช้กับ E-Bike จากผู้ผลิตรายอื่นได้ ซึ่งจำกัดการขยายตัวของระบบนิเวศ
ภาพรวมของสถานีสลับแบตเตอรี่
แนวคิดเรื่อง สถานีสลับแบตฯ E-Bike: อนาคตการชาร์จในเมือง? ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่กำลังได้รับความสนใจอย่างสูงในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตคนเมืองที่ต้องการความรวดเร็วและสะดวกสบาย โมเดลนี้ช่วยขจัดความกังวลเรื่องระยะทาง (Range Anxiety) และลดอุปสรรคในการเปลี่ยนมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในอาคารชุดหรือไม่มีพื้นที่สำหรับติดตั้งจุดชาร์จส่วนตัว เทคโนโลยีนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงนวัตกรรมด้านพลังงาน แต่ยังเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้เกิดการยอมรับการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง
ทำไมแนวคิดนี้จึงมีความสำคัญในปัจจุบัน?
ในยุคที่เมืองใหญ่ทั่วโลก รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำลังเผชิญกับปัญหามลพิษทางอากาศและการจราจรที่หนาแน่น การเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญ จักรยานไฟฟ้า (E-Bike) และมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ากลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการเดินทางในระยะใกล้ถึงปานกลาง อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดด้านการชาร์จยังคงเป็นอุปสรรคหลัก สถานีสลับแบตเตอรี่จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหานี้โดยตรง โดยเปลี่ยนกระบวนการ “เติมพลังงาน” ให้รวดเร็วเทียบเท่าการเติมน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม
กลุ่มผู้ใช้งานที่ได้รับประโยชน์โดยตรง
กลุ่มผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากระบบสถานีสลับแบตเตอรี่คือผู้ที่ต้องใช้ยานพาหนะไฟฟ้าในการเดินทางเป็นประจำทุกวัน โดยสามารถแบ่งได้เป็นหลายกลุ่ม:
- พนักงานขนส่งและไรเดอร์: กลุ่มอาชีพที่ต้องเดินทางตลอดทั้งวัน เช่น พนักงานส่งอาหารหรือพัสดุ ไม่สามารถเสียเวลารอชาร์จแบตเตอรี่นานหลายชั่วโมงได้ การสลับแบตเตอรี่ช่วยให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ผู้เดินทางในเมือง (Urban Commuters): พนักงานออฟฟิศหรือผู้ที่ใช้ E-Bike เดินทางไป-กลับจากที่ทำงาน การมีสถานีสลับแบตเตอรี่กระจายอยู่ตามจุดยุทธศาสตร์ เช่น ใกล้สถานีรถไฟฟ้าหรืออาคารสำนักงาน จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานและลดความกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดระหว่างทาง
- ผู้ใช้งานทั่วไป: สำหรับผู้ที่ใช้ E-Bike ในชีวิตประจำวันเพื่อเดินทางไปซื้อของ ทำธุระ หรือสันทนาการ ความสะดวกและรวดเร็วของระบบนี้ทำให้ E-Bike เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและใช้งานได้จริงมากยิ่งขึ้น
กลไกการทำงานและเทคโนโลยีเบื้องหลัง
หัวใจของระบบนี้คือความเรียบง่ายและประสิทธิภาพที่ผู้ใช้จะได้รับ เทคโนโลยีเบื้องหลังถูกออกแบบมาเพื่อลดขั้นตอนที่ยุ่งยากและสร้างประสบการณ์ที่ราบรื่นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
นิยามของ Battery Swapping
Battery Swapping หรือการสลับแบตเตอรี่ คือกระบวนการที่ผู้ใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าสามารถนำแบตเตอรี่ที่มีพลังงานเหลือน้อยหรือหมดแล้ว มาเปลี่ยนกับแบตเตอรี่ที่ชาร์จเต็ม 100% จากตู้สลับแบตเตอรี่อัตโนมัติ (Swapping Cabinet) ที่ติดตั้งไว้ตามจุดต่างๆ ทั่วเมือง กระบวนการทั้งหมดมักควบคุมผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ผู้ใช้เพียงขับขี่ E-Bike ไปยังสถานีที่ใกล้ที่สุด ทำการยืนยันตัวตนผ่านแอปฯ จากนั้นช่องเก็บแบตเตอรี่ที่ชาร์จเต็มจะปลดล็อกออกมาให้ผู้ใช้นำไปเปลี่ยนกับแบตเตอรี่เก่าได้ทันที กระบวนการนี้ใช้เวลาทั้งหมดเพียงไม่กี่นาที ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการชาร์จแบบเสียบปลั๊กที่ต้องรอเป็นเวลานาน
โมเดลธุรกิจ Battery-as-a-Service (BaaS)
อีกหนึ่งนวัตกรรมที่มาพร้อมกับสถานีสลับแบตเตอรี่คือโมเดลธุรกิจที่เรียกว่า Battery-as-a-Service (BaaS) หรือ “แบตเตอรี่ในรูปแบบบริการ” แนวคิดนี้คือการแยกแบตเตอรี่ออกจากตัวรถ ทำให้ผู้ซื้อ E-Bike ไม่จำเป็นต้องซื้อแบตเตอรี่เป็นของตัวเอง แต่เปลี่ยนมาเป็นการ “เช่า” หรือ “สมัครสมาชิก” เพื่อเข้าถึงบริการสลับแบตเตอรี่ได้ไม่จำกัด หรือตามแพ็กเกจที่เลือก
โมเดล BaaS มีข้อดีหลายประการ:
- ลดต้นทุนเริ่มต้น: แบตเตอรี่เป็นส่วนประกอบที่มีราคาสูงที่สุดในยานยนต์ไฟฟ้า การตัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ออกไปทำให้ราคาของ E-Bike ถูกลงอย่างมากและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
- หมดกังวลเรื่องการเสื่อมสภาพ: ผู้ให้บริการจะเป็นผู้รับผิดชอบในการบำรุงรักษา ตรวจสอบสภาพ และเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพให้ใหม่เสมอ ผู้ใช้งานจึงมั่นใจได้ว่าจะได้ใช้แบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพดีอยู่ตลอดเวลา
- ความยืดหยุ่น: ผู้ใช้งานสามารถเลือกแพ็กเกจการใช้งานได้ตามความต้องการ เช่น แพ็กเกจสำหรับผู้ที่ใช้งานน้อย หรือแพ็กเกจไม่จำกัดระยะทางสำหรับผู้ที่ใช้งานหนัก
สถานการณ์ตลาดและผู้เล่นสำคัญในประเทศไทย
ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพสูงสำหรับการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง โดยมีผู้เล่นหลายรายเริ่มเข้ามาลงทุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับสถานีสลับแบตเตอรี่อย่างจริงจัง
ภาพรวมตลาดในปัจจุบัน
ตลาดสถานีสลับแบตเตอรี่ในประเทศไทยเริ่มมีความเคลื่อนไหวอย่างชัดเจนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้ใช้งานมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเป็นหลัก ในปี พ.ศ. 2566 มีการติดตั้งสถานีไปแล้วกว่า 30 แห่งในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการสร้างความคุ้นเคยและพิสูจน์ความเป็นไปได้ของโมเดลธุรกิจนี้ นอกจากนี้ ภาครัฐยังมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานด้านยานยนต์ไฟฟ้า โดยตั้งเป้าขยายจำนวนสถานีสลับแบตเตอรี่ให้ได้ถึง 1,450 แห่งภายในปี พ.ศ. 2573 ซึ่งเป็นสัญญาณบวกที่แสดงให้เห็นถึงทิศทางการเติบโตในอนาคต
ผู้ให้บริการชั้นนำในประเทศ
ปัจจุบันมีผู้ให้บริการหลักหลายรายที่กำลังแข่งขันและร่วมมือกันเพื่อขยายเครือข่ายในประเทศไทย ได้แก่:
- Swap & Go: โครงการที่ริเริ่มโดยกลุ่ม ปตท. ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกและมีเครือข่ายสถานีที่กว้างขวางที่สุดในขณะนี้ โดยร่วมมือกับผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าหลายค่ายเพื่อสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์
- บ้านปู เน็กซ์ และ Oyika: เป็นความร่วมมือระหว่างบริษัทพลังงานของไทยและสตาร์ทอัพจากสิงคโปร์ โดยมุ่งเน้นการให้บริการในกลุ่มไรเดอร์และผู้ประกอบการขนส่ง
- BATT SWAP: อีกหนึ่งผู้เล่นที่เข้ามาให้บริการสถานีสลับแบตเตอรี่ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างเครือข่ายที่เข้าถึงง่ายสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป
การมีผู้เล่นหลายรายในตลาดช่วยกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันด้านบริการและนวัตกรรม ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค
การใช้งานผ่านแอปพลิเคชันเพื่อความสะดวกสบาย
เทคโนโลยีโมบายล์แอปพลิเคชันเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้ระบบสลับแบตเตอรี่ทำงานได้อย่างราบรื่น ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันของผู้ให้บริการ เพื่อเข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ เช่น:
- ค้นหาสถานี: แผนที่แสดงตำแหน่งของสถานีสลับแบตเตอรี่ที่อยู่ใกล้ที่สุด พร้อมบอกสถานะว่ามีแบตเตอรี่ที่ชาร์จเต็มพร้อมให้บริการหรือไม่
- จองแบตเตอรี่ล่วงหน้า: ในบางแอปพลิเคชัน ผู้ใช้สามารถจองแบตเตอรี่ไว้ล่วงหน้าได้ เพื่อให้มั่นใจว่าจะมี่แบตเตอรี่พร้อมใช้งานเมื่อเดินทางไปถึงสถานี
- จัดการการชำระเงิน: การชำระค่าบริการสามารถทำได้โดยตรงผ่านแอปพลิเคชัน ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเป็นรายครั้งหรือการหักจากแพ็กเกจรายเดือน
- ตรวจสอบประวัติการใช้งาน: ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลการใช้งานย้อนหลัง เช่น จำนวนครั้งที่สลับแบตเตอรี่ หรือระยะทางที่ขับขี่ไปได้
ข้อดีและประโยชน์ของสถานีสลับแบตเตอรี่
เทคโนโลยีนี้มีข้อดีที่ครอบคลุมในหลายมิติ ตั้งแต่ความสะดวกของผู้ใช้งานไปจนถึงผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและโครงข่ายไฟฟ้าของเมือง
| มิติ | รายละเอียดของประโยชน์ |
|---|---|
| การประหยัดเวลา | ลดเวลารอคอยจากการชาร์จ 2-3 ชั่วโมง เหลือเพียงการสลับแบตเตอรี่ที่ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที เพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทางและการทำงาน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้งานเชิงพาณิชย์ |
| ประสิทธิภาพด้านต้นทุน | โมเดล BaaS ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการซื้อแบตเตอรี่ก้อนใหม่ ทำให้ราคาของยานยนต์ไฟฟ้าถูกลง ผู้ใช้จ่ายค่าบริการตามการใช้งานจริง ซึ่งอาจประหยัดกว่าการเป็นเจ้าของและบำรุงรักษาแบตเตอรี่เองในระยะยาว |
| ผลกระทบต่อโครงข่ายไฟฟ้า | การชาร์จแบตเตอรี่จำนวนมากพร้อมกันในสถานีกลางช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถบริหารจัดการการดึงไฟฟ้าจากโครงข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเลือกชาร์จในช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าน้อย (Off-Peak) เพื่อลดภาระและต้นทุนค่าไฟฟ้า |
| ประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม | ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าซึ่งไม่ปล่อยมลพิษทางอากาศโดยตรง ช่วยลดปัญหาฝุ่น PM2.5 และก๊าซเรือนกระจกในเขตเมือง นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับเป้าหมายการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดของประเทศ |
ความท้าทายและอุปสรรคที่ต้องเผชิญ
แม้ว่าสถานีสลับแบตเตอรี่จะมีศักยภาพสูง แต่ก็ยังมีความท้าทายสำคัญหลายประการที่ต้องได้รับการแก้ไขเพื่อให้นวัตกรรมนี้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ปัญหามาตรฐานแบตเตอรี่สากล
อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบันคือ การขาดมาตรฐานกลาง (Standardization) สำหรับแบตเตอรี่จักรยานไฟฟ้า ผู้ผลิต E-Bike แต่ละรายมักออกแบบแบตเตอรี่ที่มีรูปทรง ขนาด ขั้วต่อ และระบบการจัดการพลังงาน (BMS) ที่แตกต่างกันออกไป ทำให้แบตเตอรี่จากผู้ให้บริการรายหนึ่ง ไม่สามารถนำไปใช้กับรถจากอีกยี่ห้อหนึ่งได้
ปัญหานี้ส่งผลให้เกิดการแบ่งแยกของตลาด (Market Fragmentation) ผู้ใช้ที่เลือกใช้บริการสลับแบตเตอรี่จากค่ายใดค่ายหนึ่ง จะถูกจำกัดให้ต้องใช้ยานพาหนะที่รองรับกับระบบนิเวศนั้นๆ เท่านั้น การสร้างมาตรฐานกลางที่ทุกฝ่ายยอมรับร่วมกันจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะปลดล็อกให้ผู้ใช้งานสามารถสลับแบตเตอรี่ได้จากทุกสถานี โดยไม่จำกัดยี่ห้อของรถ ซึ่งจะช่วยเร่งการเติบโตของตลาดในภาพรวมได้อย่างก้าวกระโดด
การขยายเครือข่ายสถานีให้ครอบคลุม
เพื่อให้ผู้ใช้งานเกิดความมั่นใจและขจัดความกังวลเรื่องระยะทางได้อย่างสมบูรณ์ เครือข่ายของสถานีสลับแบตเตอรี่จำเป็นต้องมีความหนาแน่นและครอบคลุมพื้นที่ในวงกว้าง ไม่ใช่แค่ในใจกลางเมือง แต่รวมถึงพื้นที่ชานเมืองและเส้นทางสัญจรหลัก การลงทุนเพื่อขยายเครือข่ายให้ได้ตามเป้าหมายนั้นต้องใช้เงินทุนจำนวนมหาศาล และต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐในการอำนวยความสะดวกด้านกฎระเบียบและพื้นที่ติดตั้ง และภาคเอกชนในการลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งถือเป็นความท้าทายเชิงโครงสร้างที่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ
แนวโน้มตลาดโลกและอนาคตในประเทศไทย
ทิศทางของเทคโนโลยีสลับแบตเตอรี่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศไทย แต่เป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการโซลูชันการชาร์จที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าในเขตเมือง
การเติบโตในระดับสากล
ตลาดการสลับแบตเตอรี่รถไฟฟ้าทั่วโลกคาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตในอัตราที่สูงมาก โดยมีอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) อยู่ที่ประมาณ 19.7% จนถึงปี พ.ศ. 2573 ปัจจัยขับเคลื่อนหลักคือความต้องการลดระยะเวลาการชาร์จ EV และการเติบโตของธุรกิจขนส่งที่พึ่งพายานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ประเทศในแถบเอเชีย เช่น จีน ไต้หวัน และอินเดีย ถือเป็นผู้นำในตลาดนี้ โดยมีผู้ให้บริการรายใหญ่ที่สร้างเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศและมีผู้ใช้งานหลายล้านคน ซึ่งเป็นต้นแบบความสำเร็จที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของโมเดลธุรกิจนี้
วิสัยทัศน์สำหรับอนาคตของไทย
สำหรับประเทศไทย สถานีสลับแบตเตอรี่สำหรับ E-Bike และมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าถูกมองว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยเฉพาะเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคการขนส่ง เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งาน แต่ยังเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
“เทคโนโลยีการสลับแบตเตอรี่ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความสะดวกสบาย แต่เป็นเสาหลักสำคัญของระบบการเดินทางในเมืองแห่งอนาคต ที่ซึ่งความรวดเร็ว ประสิทธิภาพ และความยั่งยืนต้องดำเนินควบคู่กันไป”
ในอนาคต เราอาจได้เห็นสถานีสลับแบตเตอรี่กลายเป็นส่วนหนึ่งของภูมิทัศน์เมือง เช่นเดียวกับตู้เอทีเอ็มหรือร้านสะดวกซื้อ ซึ่งจะทำให้การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องง่ายและไร้กังวลสำหรับทุกคน
บทสรุป: ก้าวต่อไปของการเดินทางในเมือง
โดยสรุปแล้ว สถานีสลับแบตฯ E-Bike คือโซลูชันที่มีศักยภาพสูงในการปฏิวัติรูปแบบการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าในเมือง ด้วยการมอบความรวดเร็วที่เทียบเท่าการเติมน้ำมัน ความสะดวกสบายผ่านระบบอัตโนมัติ และความคุ้มค่าผ่านโมเดลการเช่าแบตเตอรี่ (BaaS) เทคโนโลยีนี้จึงเป็นคำตอบที่ชัดเจนสำหรับความท้าทายด้านการรอชาร์จที่ยาวนาน
แม้จะยังมีความท้าทายในเรื่องการสร้างมาตรฐานแบตเตอรี่และการขยายเครือข่ายให้ครอบคลุม แต่ด้วยแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งทั่วโลกและการสนับสนุนจากภาครัฐในประเทศ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่สถานีสลับแบตเตอรี่จะกลายเป็นอนาคตของการชาร์จพลังงานสำหรับ E-Bike และเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมการเดินทางที่สะอาดและยั่งยืนอย่างแท้จริง
สำหรับผู้ที่สนใจสำรวจโลกแห่งการเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้า GIANT Shopping Mall คือศูนย์รวมที่จำหน่ายจักรยานไฟฟ้าทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า หรือ E-bike ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของชีวิตในเมือง หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับรุ่นต่างๆ หรือขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สามารถเยี่ยมชมได้ที่ FACEBOOK PAGE, ติดต่อผ่านช่องทาง LINE หรือ ติดต่อ สอบถามเพิ่มเติม ผ่านเว็บไซต์ทางการ
“`
