จักรยานไฟฟ้าต้องมีทะเบียนไหม? สรุปกฎหมายที่ควรรู้
- ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับกฎหมายจักรยานไฟฟ้า
- ทำความเข้าใจกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับยานพาหนะไฟฟ้า
- การจำแนกประเภทยานพาหนะไฟฟ้าตามกฎหมายไทย
- สรุปข้อแตกต่างและแนวทางการใช้งานที่ถูกต้อง
- ขั้นตอนการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (สำหรับรุ่นที่เข้าเกณฑ์)
- ข้อควรระวังและคำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับผู้ใช้งาน
- บทสรุปและแนวทางการเลือกซื้อจักรยานไฟฟ้าอย่างถูกกฎหมาย
กระแสความนิยมยานพาหนะไฟฟ้าขนาดเล็กกำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจักรยานไฟฟ้าและสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ากลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการเดินทางในระยะใกล้ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานจำนวนมากยังคงมีความสับสนเกี่ยวกับข้อบังคับทางกฎหมาย โดยเฉพาะคำถามที่ว่า จักรยานไฟฟ้าต้องมีทะเบียนไหม? ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อการใช้งานอย่างถูกต้องและปลอดภัยบนท้องถนนสาธารณะ บทความนี้จะสรุปข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียด เพื่อให้ผู้ที่สนใจหรือเป็นเจ้าของได้เข้าใจถึงหลักเกณฑ์และข้อปฏิบัติต่างๆ อย่างชัดเจน
ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับกฎหมายจักรยานไฟฟ้า
- จักรยานไฟฟ้าทั่วไปที่มีกำลังมอเตอร์ไม่สูงและมีความเร็วไม่เกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน แต่แนะนำให้ใช้งานในพื้นที่จำกัด เช่น ถนนในซอย หรือหมู่บ้าน
- ยานพาหนะไฟฟ้าที่เข้าข่ายเป็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า คือมีกำลังมอเตอร์ตั้งแต่ 250-500 วัตต์ขึ้นไป หรือทำความเร็วสูงสุดได้เกิน 45-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จำเป็นต้องจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก
- การนำยานพาหนะไฟฟ้าที่เข้าข่ายต้องจดทะเบียนมาใช้งานบนถนนสาธารณะโดยไม่มีป้ายทะเบียนและเอกสารถูกต้อง ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย มีโทษปรับและอาจถูกยึดรถ
- สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ในท้องตลาดมักมีคุณสมบัติต่ำกว่าเกณฑ์การจดทะเบียน จึงไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานบนถนนหลวงหรือทางสาธารณะทั่วไป
- ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบคุณสมบัติของยานพาหนะไฟฟ้าก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์และถูกต้องตามกฎหมายจราจร
ข้อสงสัยที่ว่า จักรยานไฟฟ้าต้องมีทะเบียนไหม? เป็นคำถามที่สะท้อนถึงความไม่ชัดเจนในการรับรู้ข้อกฎหมายของผู้ใช้งานจำนวนมาก การทำความเข้าใจในข้อบังคับจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายที่อาจตามมา เช่น การถูกจับกุม การเสียค่าปรับ หรือแม้กระทั่งการถูกยึดรถ ซึ่งอาจสร้างความเดือดร้อนและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้
ทำความเข้าใจกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับยานพาหนะไฟฟ้า
การใช้งานยานพาหนะไฟฟ้าบนท้องถนนสาธารณะไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสะดวกสบายเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายจราจรและความปลอดภัย เพื่อให้การสัญจรเป็นไปอย่างมีระเบียบและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ การทราบถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องจึงเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ขับขี่ทุกคน
ความสำคัญของการปฏิบัติตามกฎหมาย
การปฏิบัติตามกฎหมายจราจรไม่ได้เป็นเพียงการหลีกเลี่ยงบทลงโทษเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้ร่วมใช้ทางคนอื่นๆ การจดทะเบียนยานพาหนะที่เข้าข่ายตามกฎหมาย การทำประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และการมีใบอนุญาตขับขี่ที่ถูกต้อง เป็นหลักประกันเบื้องต้นที่ช่วยคุ้มครองความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ ทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน การเพิกเฉยต่อข้อบังคับเหล่านี้อาจนำไปสู่ปัญหาที่ซับซ้อนและผลกระทบทางการเงินที่รุนแรงในอนาคต
กฎหมายหลักที่ใช้กำกับดูแล
กฎหมายหลักที่ใช้ในการจำแนกและกำกับดูแลยานพาหนะในประเทศไทย คือ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 และ พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 กฎหมายทั้งสองฉบับนี้ได้กำหนดนิยามและประเภทของยานพาหนะไว้อย่างชัดเจน โดยมีหลักเกณฑ์สำคัญในการพิจารณาคือคุณลักษณะทางเทคนิคของยานพาหนะ เช่น กำลังของมอเตอร์ และความเร็วสูงสุดที่สามารถทำได้ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินว่ายานพาหนะไฟฟ้าคันนั้นจะถูกจัดอยู่ในประเภท “จักรยาน” หรือ “รถจักรยานยนต์”
การจำแนกประเภทยานพาหนะไฟฟ้าตามกฎหมายไทย
เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการใช้งาน กฎหมายได้แบ่งประเภทของยานพาหนะไฟฟ้าขนาดเล็กออกเป็นกลุ่มต่างๆ โดยอาศัยคุณสมบัติด้านสมรรถนะเป็นเกณฑ์ ซึ่งแต่ละประเภทจะมีข้อกำหนดและข้อจำกัดในการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป
จักรยานไฟฟ้า (E-Bike) ต้องจดทะเบียนหรือไม่?
โดยทั่วไปแล้ว จักรยานไฟฟ้า หรือ E-Bike ที่มีลักษณะเป็น “จักรยานช่วยปั่น” หรือ “จักรยานถีบที่มีเครื่องยนต์ช่วย” ซึ่งมีกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าไม่สูง และมีความเร็วไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด จะถูกตีความว่าเป็น “จักรยาน” ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ ซึ่งหมายความว่า:
- ไม่ต้องจดทะเบียน: ไม่จำเป็นต้องนำไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก และไม่ต้องมีแผ่นป้ายทะเบียน
- ไม่ต้องทำ พ.ร.บ.: ไม่ต้องทำประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.)
- ไม่ต้องใช้ใบขับขี่: ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์
อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่ต้องจดทะเบียน แต่มีข้อจำกัดด้านการใช้งานที่สำคัญ คือ ไม่แนะนำให้นำไปใช้งานบนถนนหลวงหรือถนนสายหลักที่มีการจราจรหนาแน่นและใช้ความเร็วสูง เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย และที่สำคัญคือ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจพิจารณาว่ายานพาหนะมีลักษณะหรือสมรรถนะที่อาจเข้าข่ายรถจักรยานยนต์ ก็อาจถูกเรียกตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายได้ สถานที่ใช้งานที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดสำหรับจักรยานไฟฟ้าประเภทนี้คือ ถนนในซอย หมู่บ้าน หรือเส้นทางเฉพาะสำหรับจักรยาน
รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าและสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า (E-Motorcycle & E-Scooter)
สำหรับยานพาหนะไฟฟ้าที่มีสมรรถนะสูงขึ้น จะถูกจัดให้อยู่ในประเภท “รถจักรยานยนต์” ตามกฎหมาย ซึ่งมีข้อกำหนดที่เข้มงวดกว่าอย่างชัดเจน เกณฑ์ในการพิจารณาว่ายานพาหนะไฟฟ้าคันใดเข้าข่ายเป็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า มีดังนี้:
- กำลังมอเตอร์: มีกำลังมอเตอร์ตั้งแต่ 250 วัตต์ (0.25 กิโลวัตต์) ขึ้นไป บางแหล่งข้อมูลอาจระบุเกณฑ์ที่ 500 วัตต์ ขึ้นไป
- ความเร็วสูงสุด: สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ตั้งแต่ 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป บางครั้งอาจพิจารณาที่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- การใช้งานต่อเนื่อง: ในบางกรณีอาจพิจารณาถึงความสามารถในการทำงานต่อเนื่องที่ความเร็วสูงเป็นเวลาตั้งแต่ 30 นาทีขึ้นไป
หากยานพาหนะไฟฟ้ามีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ข้างต้น จะต้องดำเนินการตามกฎหมายเช่นเดียวกับรถจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทุกประการ คือ ต้องนำไปจดทะเบียน เพื่อขอรับแผ่นป้ายทะเบียน, ต้องจัดทำประกันภัย พ.ร.บ., และผู้ขับขี่จะต้องมีใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ การนำรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ยังไม่ได้จดทะเบียนไปใช้งานบนถนนสาธารณะถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย และมีโทษทั้งจำและปรับ
กรณีเฉพาะของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเป็นยานพาหนะที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่ก็เป็นกลุ่มที่สร้างความสับสนทางกฎหมายมากที่สุดเช่นกัน โดยส่วนใหญ่แล้ว สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่จำหน่ายทั่วไปมักจะมีกำลังมอเตอร์และความเร็วไม่ถึงเกณฑ์ที่จะต้องจดทะเบียนเป็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่ถูกจัดว่าเป็น “จักรยาน” ตามกฎหมายจราจร ทำให้สถานะของมันยังคงเป็นพื้นที่สีเทา
ดังนั้น การใช้งานสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจึงมีข้อจำกัดที่เข้มงวดอย่างยิ่ง โดยกฎหมายอนุญาตให้ใช้งานได้เฉพาะในพื้นที่ส่วนบุคคลหรือพื้นที่ปิดเท่านั้น เช่น ภายในบ้าน, สวนสาธารณะที่มีกฎอนุญาต, หรือในซอยส่วนบุคคล การนำสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามาขับขี่บนถนนสาธารณะ ทางเท้า หรือทางจักรยาน ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และอาจถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมและยึดรถได้
สรุปข้อแตกต่างและแนวทางการใช้งานที่ถูกต้อง
เพื่อให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น สามารถสรุปข้อแตกต่างและแนวทางการใช้งานของยานพาหนะไฟฟ้าแต่ละประเภทได้ดังตารางต่อไปนี้
| ประเภทยานพาหนะ | ต้องจดทะเบียน? | เกณฑ์หลักตามกฎหมาย | สถานที่ใช้งานที่เหมาะสมและปลอดภัย |
|---|---|---|---|
| จักรยานไฟฟ้า (E-Bike) | ไม่ต้อง (หากมีกำลังมอเตอร์ต่ำ) | ถูกจัดเป็น “จักรยาน” ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบกฯ | ถนนในซอย, หมู่บ้าน, ทางจักรยาน (หลีกเลี่ยงถนนหลวง) |
| รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า | ต้อง (หากเข้าเกณฑ์) | กำลังมอเตอร์ ≥ 250W และ ความเร็วสูงสุด ≥ 45 กม./ชม. | ถนนสาธารณะทุกแห่ง (หลังจากจดทะเบียนถูกต้องแล้ว) |
| สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า | ไม่ต้อง (เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่ถึงเกณฑ์) | ไม่เข้าข่ายทั้งจักรยานและจักรยานยนต์ตามกฎหมาย | พื้นที่ส่วนบุคคลหรือพื้นที่ปิดเท่านั้น (ห้ามใช้บนถนนสาธารณะ) |
ขั้นตอนการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (สำหรับรุ่นที่เข้าเกณฑ์)
สำหรับผู้ที่ซื้อรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดและต้องการใช้งานบนถนนสาธารณะอย่างถูกต้อง การนำรถไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกเป็นขั้นตอนที่จำเป็นและไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ กระบวนการจดทะเบียนนั้นไม่ได้มีความซับซ้อนมากนักหากเตรียมเอกสารไว้อย่างครบถ้วน
สถานที่ยื่นขอจดทะเบียน
- ในเขตกรุงเทพมหานคร: สามารถยื่นเรื่องได้ที่ สำนักมาตรฐานงานทะเบียนและภาษีรถ อาคาร 2 กรมการขนส่งทางบก (จตุจักร)
- ในเขตต่างจังหวัด: ติดต่อได้ที่ สำนักงานขนส่งจังหวัด หรือสำนักงานขนส่งสาขาในพื้นที่ที่ตนเองมีภูมิลำเนาอยู่
เอกสารสำคัญที่ต้องเตรียม
ก่อนเดินทางไปยื่นเรื่อง ควรเตรียมเอกสารหลักฐานให้พร้อมเพื่อความรวดเร็วในการดำเนินการ ดังนี้:
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าของรถ: พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
- หนังสือมอบอำนาจ (กรณีไม่ได้มาด้วยตนเอง): พร้อมติดอากรแสตมป์ และสำเนาบัตรประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ
- หนังสือแจ้งจำหน่ายจากผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการ: เป็นเอกสารสำคัญที่ยืนยันแหล่งที่มาของรถ
- หลักฐานการได้มาซึ่งรถ: เช่น สัญญาซื้อขาย, ใบเสร็จรับเงิน, หรือใบกำกับภาษี
- หลักฐานการทำประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.): ซึ่งต้องมีความคุ้มครองสำหรับรถจักรยานยนต์
- แบบคำขอจดทะเบียนรถ: สามารถขอรับได้ที่กรมการขนส่งทางบก หรือดาวน์โหลดล่วงหน้าจากเว็บไซต์
สรุปขั้นตอนการดำเนินการ
กระบวนการจดทะเบียนโดยทั่วไปมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ภายในวันเดียว
- ยื่นเอกสาร: นำเอกสารทั้งหมดที่เตรียมไว้ไปยื่นต่อเจ้าหน้าที่ ณ สถานที่ที่กำหนด
- ตรวจสภาพรถ: นำรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเข้ารับการตรวจสภาพจากเจ้าหน้าที่ตรวจสภาพรถของกรมการขนส่งทางบก เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของหมายเลขตัวถัง, หมายเลขมอเตอร์ และอุปกรณ์ส่วนควบต่างๆ ว่าเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยหรือไม่
- ชำระค่าธรรมเนียม: หลังจากตรวจสภาพผ่านแล้ว เจ้าหน้าที่จะประเมินค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น ค่าคำขอ, ค่าแผ่นป้ายทะเบียน และภาษีประจำปี
- รับแผ่นป้ายทะเบียนและเล่มทะเบียน: เมื่อชำระเงินเรียบร้อยแล้ว จะได้รับแผ่นป้ายทะเบียนและสมุดคู่มือจดทะเบียนรถ (เล่มสีเขียว) ซึ่งถือเป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ
ข้อควรระวังและคำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับผู้ใช้งาน
นอกเหนือจากข้อกฎหมายแล้ว ยังมีประเด็นอื่นๆ ที่ผู้ใช้งานยานพาหนะไฟฟ้าควรทราบเพื่อประกอบการตัดสินใจและใช้งานได้อย่างปลอดภัยและสบายใจ
ความเสี่ยงในการใช้งานบนถนนหลวงโดยไม่มีทะเบียน
แม้ในบางครั้งอาจพบเห็นผู้ใช้งานจักรยานไฟฟ้าหรือสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าบนถนนหลวงโดยไม่ถูกจับกุม แต่ไม่ได้หมายความว่าการกระทำนั้นถูกต้องตามกฎหมาย การบังคับใช้กฎหมายขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจในแต่ละพื้นที่และสถานการณ์ เจ้าหน้าที่บางส่วนอาจเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบเพื่อกวดขันวินัยจราจร ซึ่งหากถูกตรวจพบว่าใช้งานยานพาหนะผิดประเภทหรือไม่จดทะเบียนอย่างถูกต้อง ผู้ขับขี่จะมีความผิดและต้องรับโทษตามกฎหมายทันที ซึ่งรวมถึงการปรับเงินและการยึดรถไว้ตรวจสอบ
แนวทางการเลือกรุ่นที่เหมาะสมกับการใช้งาน
การตัดสินใจเลือกซื้อยานพาหนะไฟฟ้าควรเริ่มต้นจากการพิจารณาวัตถุประสงค์การใช้งานเป็นหลัก หากต้องการใช้งานเพื่อเดินทางบนถนนสายหลักเป็นประจำ การเลือกรุ่นที่สามารถจดทะเบียนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เช่น รุ่น NIU NQiGT Sport หรือ CIAO HSEM จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด เพราะถูกออกแบบมาให้มีสมรรถนะและมาตรฐานความปลอดภัยที่ผ่านการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก แต่หากต้องการใช้งานในระยะใกล้ เช่น ในหมู่บ้านหรือซอย การเลือกใช้จักรยานไฟฟ้าที่มีกำลังมอเตอร์ต่ำก็เป็นตัวเลือกที่เพียงพอและไม่ต้องกังวลเรื่องการจดทะเบียน
การตรวจสอบข้อมูลกฎหมายล่าสุด
ข้อกฎหมายและระเบียบต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือมีประกาศเพิ่มเติมในอนาคต ข้อมูลที่นำเสนอในบทความนี้อ้างอิงจากข้อบังคับและแนวปฏิบัติ ณ วันที่ 12 ธันวาคม 2568 ดังนั้น เพื่อความถูกต้องและมั่นใจที่สุด ก่อนตัดสินใจซื้อหรือหากมีข้อสงสัยใดๆ แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลล่าสุดโดยตรงกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ กรมการขนส่งทางบก ผ่านทางเว็บไซต์หรือสายด่วน เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ทันสมัยและเป็นปัจจุบันที่สุด
บทสรุปและแนวทางการเลือกซื้อจักรยานไฟฟ้าอย่างถูกกฎหมาย
โดยสรุปแล้ว คำถามที่ว่า จักรยานไฟฟ้าต้องมีทะเบียนไหม? คำตอบขึ้นอยู่กับ “คุณสมบัติ” ของตัวรถเป็นสำคัญ หากเป็นจักรยานไฟฟ้าช่วยปั่นที่มีกำลังมอเตอร์และความเร็วไม่สูง จะไม่เข้าข่ายต้องจดทะเบียน แต่ก็มีข้อจำกัดในการใช้งานบนถนนหลวง ในทางกลับกัน หากเป็นยานพาหนะไฟฟ้าที่มีกำลังมอเตอร์และความเร็วสูงเทียบเท่ารถจักรยานยนต์ จะต้องจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายจึงจะสามารถใช้งานบนถนนสาธารณะได้
การทำความเข้าใจในข้อกฎหมายเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ใช้งานหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมาย แต่ยังเป็นการส่งเสริมความปลอดภัยในการสัญจรบนท้องถนนอีกด้วย การเลือกซื้อยานพาหนะไฟฟ้าที่เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานและปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด คือหัวใจสำคัญของการเป็นผู้ขับขี่ที่มีความรับผิดชอบ
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาจักรยานไฟฟ้า สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า หรือ E-bike ที่มีคุณภาพและหลากหลายรุ่นให้เลือกสรร เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการในการเดินทาง สามารถเยี่ยมชมและขอคำแนะนำได้ที่ GIANT Shopping Mall ศูนย์รวมจักรยานไฟฟ้าที่ออกแบบมาเพื่อไลฟ์สไตล์ยุคใหม่
ติดต่อ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่:
FACEBOOK PAGE
LINE
ติดต่อ สอบถามเพิ่มเติม
เวลาทำการ: ทุกวัน จันทร์ – เสาร์ (เวลา 9.00 – 18.00 น.)
โทร: 061-962-2878
ที่ตั้งร้าน: 44 หมู่ 14 ตำบลบ้านเป็ด อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น 40000
