E-Bike ต้องมีทะเบียน-ใบขับขี่ไหม? สรุปกฎหมายที่ต้องรู้
จักรยานไฟฟ้า หรือ E-Bike กำลังเป็นยานพาหนะทางเลือกที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศไทย ด้วยความสะดวกสบาย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้จำนวนมากยังคงมีความสับสนเกี่ยวกับสถานะทางกฎหมายของยานพาหนะประเภทนี้ บทความนี้จะให้ข้อมูลที่ชัดเจนว่า E-Bike ต้องมีทะเบียน-ใบขับขี่ไหม? สรุปกฎหมายที่ต้องรู้ โดยอิงจากข้อบังคับล่าสุด เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถขับขี่ได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับกฎหมาย E-Bike
- สถานะทางกฎหมายขึ้นอยู่กับสเปก: จักรยานไฟฟ้าที่มีกำลังมอเตอร์ไม่เกิน 250 วัตต์ และทำความเร็วสูงสุดได้ไม่เกิน 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตามกฎหมายจะถูกจัดว่าเป็น “จักรยาน” จึงไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนหรือมีใบขับขี่
- เมื่อ E-Bike กลายเป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า: หากจักรยานไฟฟ้ามีคุณสมบัติเกินกว่าที่กำหนดข้อใดข้อหนึ่ง (กำลังมอเตอร์เกิน 250 วัตต์ หรือความเร็วสูงสุดเกิน 25 กม./ชม.) จะถูกจัดประเภทเป็น “รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า” ซึ่งต้องดำเนินการจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก และผู้ขับขี่ต้องมีใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์
- ความสำคัญของ พ.ร.บ.: ยานพาหนะที่เข้าข่ายเป็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าจะต้องจัดทำประกันภัยภาคบังคับ หรือ พ.ร.บ. ตามกฎหมายคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ
- ข้อควรระวังในการใช้งาน: การนำยานพาหนะที่เข้าข่ายเป็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้งานบนถนนสาธารณะโดยไม่จดทะเบียนและไม่มีใบขับขี่ ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและมีบทลงโทษ
- การเลือกซื้ออย่างชาญฉลาด: ผู้ที่สนใจซื้อ E-Bike ควรตรวจสอบคุณสมบัติทางเทคนิคของตัวรถอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การใช้งานและข้อกำหนดของกฎหมาย
ประเด็นคำถามที่ว่า E-Bike ต้องมีทะเบียน-ใบขับขี่ไหม? สรุปกฎหมายที่ต้องรู้ นับเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้และผู้ที่กำลังตัดสินใจซื้อ ด้วยความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ในตลาด ตั้งแต่จักรยานไฟฟ้าสำหรับแม่บ้านไปจนถึงสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง การทำความเข้าใจข้อบังคับที่กำหนดโดยกรมการขนส่งทางบกจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายที่อาจตามมา การแยกแยะระหว่าง “จักรยาน” และ “รถจักรยานยนต์” ตามนิยามกฎหมายนั้นอาศัยเกณฑ์ด้านกำลังมอเตอร์และความเร็วสูงสุดเป็นตัวชี้ขาด ซึ่งบทความนี้จะอธิบายรายละเอียดในแต่ละประเด็นอย่างชัดเจน
ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ E-Bike มีปัจจัยมาจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมันที่ผันผวน การตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม และความต้องการยานพาหนะส่วนบุคคลที่คล่องตัวสำหรับการเดินทางในระยะใกล้ สิ่งนี้ทำให้ผู้คนทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่นักเรียนนักศึกษาไปจนถึงวัยทำงานและผู้สูงอายุ หันมาให้ความสนใจยานพาหนะประเภทนี้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม การขาดความชัดเจนในข้อกฎหมายที่เผยแพร่ออกไปในวงกว้าง ทำให้เกิดความเข้าใจผิดและนำไปสู่การใช้งานที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้น การทราบข้อมูลที่แม่นยำจึงเป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ขับขี่และผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ เพื่อสร้างความปลอดภัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อยบนท้องถนนร่วมกัน
ทำความเข้าใจ “จักรยานไฟฟ้า” ตามนิยามกฎหมาย
ก่อนที่จะตอบคำถามหลัก การทำความเข้าใจนิยามและประเภทของยานพาหนะไฟฟ้าตามกฎหมายไทยเป็นสิ่งแรกที่ต้องพิจารณา เนื่องจากคำว่า “จักรยานไฟฟ้า” และ “มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า” มักถูกใช้ปะปนกัน แต่ในทางกฎหมายแล้ว ยานพาหนะทั้งสองประเภทนี้มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อข้อบังคับในการจดทะเบียน การทำประกันภัย และคุณสมบัติของผู้ขับขี่
นิยามของจักรยานไฟฟ้า (E-Bike)
จักรยานไฟฟ้า หรือ E-Bike ในทางเทคนิคคือยานพาหนะสองล้อที่ยังคงโครงสร้างหลักของจักรยานแบบดั้งเดิมไว้ นั่นคือมี “บันไดสำหรับปั่น” เป็นส่วนประกอบสำคัญ แต่มีการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาเพื่อทำหน้าที่เป็น “ระบบช่วยผ่อนแรง” (Pedal Assist System หรือ PAS) หรืออาจมีคันเร่งไฟฟ้า (Throttle) สำหรับควบคุมความเร็ว จุดเด่นของ E-Bike คือผู้ขับขี่ยังสามารถออกแรงปั่นได้เหมือนจักรยานทั่วไป และมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานเพื่อเสริมกำลัง ทำให้การปั่นขึ้นเนินหรือการเดินทางไกลทำได้ง่ายขึ้น
ตามการตีความของกรมการขนส่งทางบก หากยานพาหนะมีลักษณะเป็นจักรยานที่ใช้แรงคนปั่นเป็นหลัก และมีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยขับเคลื่อนที่มีกำลังไม่สูงมากนัก จะยังคงสถานะเป็น “จักรยาน” ซึ่งไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับของ พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522
ความแตกต่างระหว่างจักรยานไฟฟ้าและมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า
ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดระหว่างจักรยานไฟฟ้าและมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า (รวมถึงสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า) อยู่ที่การมีอยู่ของบันไดปั่นและคุณสมบัติของมอเตอร์ขับเคลื่อน โดยทั่วไปแล้ว มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าหรือสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% โดยไม่มีบันไดสำหรับให้ผู้ขับขี่ออกแรงปั่นร่วมด้วย ยานพาหนะเหล่านี้จึงถูกจัดประเภทเป็น “รถจักรยานยนต์” ตามกฎหมายทันที ไม่ว่าจะมีความเร็วหรือกำลังมอเตอร์เท่าใดก็ตาม
ในขณะที่ E-Bike ซึ่งมีบันไดปั่น จะถูกพิจารณาจากคุณสมบัติของมอเตอร์เป็นหลัก หากสเปกของมอเตอร์และค่าความเร็วสูงสุดไม่เกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ก็จะยังคงถูกนับว่าเป็น “จักรยาน” แต่หากเกินเกณฑ์เมื่อใด สถานะทางกฎหมายของมันจะเปลี่ยนไปเป็น “รถจักรยานยนต์” ทันที ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ใช้ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
E-Bike ต้องมีทะเบียน-ใบขับขี่ไหม? คำตอบที่ชัดเจน
นี่คือหัวใจสำคัญของข้อกฎหมายที่ผู้ใช้ E-Bike ทุกคนต้องทราบ การจะระบุว่า E-Bike คันใดต้องจดทะเบียนและต้องใช้ใบขับขี่หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับเกณฑ์มาตรฐาน 2 ประการที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดไว้ คือ กำลังของมอเตอร์ไฟฟ้า และ ความเร็วสูงสุด ของตัวรถ
กรณีที่ไม่ต้องจดทะเบียนและไม่ต้องมีใบขับขี่
จักรยานไฟฟ้า (E-Bike) จะได้รับการยกเว้น ไม่ต้องจดทะเบียนและผู้ขับขี่ไม่ต้องมีใบอนุญาตขับขี่ หากมีคุณสมบัติครบถ้วนตามเงื่อนไขต่อไปนี้:
- กำลังมอเตอร์ไฟฟ้า (Motor Power): ต้องมีกำลังขับเคลื่อนไม่เกิน 250 วัตต์ (Watt)
- ความเร็วสูงสุด (Maximum Speed): ต้องทำความเร็วสูงสุดได้ไม่เกิน 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (km/h)
หาก E-Bike ที่ใช้งานมีสเปกไม่เกินทั้งสองเกณฑ์นี้ จะถูกจัดประเภทตามกฎหมายว่าเป็น “จักรยาน” ซึ่งหมายความว่าสามารถใช้งานได้เช่นเดียวกับจักรยานทั่วไป ไม่จำเป็นต้องมีแผ่นป้ายทะเบียน ไม่ต้องเสียภาษีประจำปี และผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ นี่คือเหตุผลที่ E-Bike ส่วนใหญ่ที่จำหน่ายในท้องตลาดมักจะถูกออกแบบมาให้มีคุณสมบัติอยู่ในเกณฑ์นี้ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้ง่ายและใช้งานได้อย่างสะดวก
กรณีที่ต้องจดทะเบียนและต้องมีใบขับขี่
ในทางกลับกัน หาก E-Bike หรือยานพาหนะไฟฟ้าสองล้อใดๆ มีคุณสมบัติเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ แม้เพียงข้อใดข้อหนึ่ง ยานพาหนะคันนั้นจะถูกเปลี่ยนสถานะเป็น “รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า” ทันทีตามกฎหมาย ซึ่งมีเงื่อนไขดังนี้:
- กำลังมอเตอร์ไฟฟ้า (Motor Power): มีกำลังขับเคลื่อนเกินกว่า 250 วัตต์
- หรือ ความเร็วสูงสุด (Maximum Speed): สามารถทำความเร็วสูงสุดได้เกินกว่า 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เมื่อยานพาหนะเข้าข่ายเป็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าแล้ว ผู้ครอบครองและผู้ขับขี่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายเช่นเดียวกับรถจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทุกประการ ซึ่งประกอบด้วย:
- การจดทะเบียน: ต้องนำรถไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกเพื่อขอรับแผ่นป้ายทะเบียนและเล่มทะเบียน
- การชำระภาษี: ต้องชำระภาษีรถประจำปีตามที่กฎหมายกำหนด
- การทำ พ.ร.บ.: ต้องจัดทำประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เพื่อคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ
- ใบอนุญาตขับขี่: ผู้ขับขี่จะต้องมีใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล (หรือประเภทที่สูงกว่า) ที่ยังไม่หมดอายุ
ดังนั้น สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าหรือ E-Bike รุ่นที่มีสมรรถนะสูง ซึ่งมักโฆษณาว่ามีกำลังมอเตอร์ 500W, 1000W หรือทำความเร็วได้ 40-50 กม./ชม. ล้วนเข้าข่ายเป็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ต้องดำเนินการตามกฎหมายทั้งสิ้น
ข้อบังคับและข้อควรระวังในการใช้งาน
การทราบถึงข้อกฎหมายเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่การปฏิบัติตามและตระหนักถึงความปลอดภัยในการใช้งานเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุและบทลงโทษที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง
บทลงโทษหากฝ่าฝืนกฎหมาย
การนำรถที่เข้าข่ายเป็น “รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า” (มีกำลังเกิน 250 วัตต์ หรือความเร็วเกิน 25 กม./ชม.) มาใช้งานบนทางสาธารณะโดยที่ยังไม่ได้จดทะเบียนให้ถูกต้อง ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 6 ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท นอกจากนี้ หากผู้ขับขี่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ก็จะมีความผิดตามมาตรา 64 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากไม่มีการจัดทำประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ก็จะมีโทษปรับอีกไม่เกิน 10,000 บาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรมีอำนาจในการเรียกตรวจสอบและจับกุมผู้ที่กระทำผิดกฎหมายดังกล่าว ซึ่งอาจนำไปสู่การยึดยานพาหนะไว้เพื่อตรวจสอบได้ ดังนั้น การเลือกใช้ยานพาหนะให้ถูกต้องตามกฎหมายจึงเป็นวิธีป้องกันปัญหาที่ดีที่สุด
พื้นที่การใช้งานที่เหมาะสมสำหรับ E-Bike
สำหรับ E-Bike ที่มีคุณสมบัติไม่เกินเกณฑ์ (≤250W และ ≤25 กม./ชม.) แม้จะสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องจดทะเบียน แต่เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ควรพิจารณาใช้งานในพื้นที่ที่เหมาะสม
- พื้นที่ปิดและถนนรอง: เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในหมู่บ้าน, ซอย, หรือถนนสายรองที่มีปริมาณการจราจรไม่หนาแน่น
- หลีกเลี่ยงถนนสายหลัก: ไม่แนะนำให้นำ E-Bike ประเภทนี้ไปใช้งานบนถนนสายหลักหรือทางหลวงที่มีรถยนต์ใช้ความเร็วสูง เนื่องจากความเร็วที่จำกัดอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
- ปฏิบัติตามกฎจราจร: แม้จะถูกจัดว่าเป็นจักรยาน ผู้ขับขี่ E-Bike ยังคงต้องปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เช่น การให้สัญญาณมือ, การหยุดรถเมื่อมีสัญญาณไฟแดง, และการสวมหมวกนิรภัยเพื่อความปลอดภัย
สรุปข้อกฎหมาย พ.ร.บ. และการเลือกซื้อ E-Bike ให้ถูกต้อง
เพื่อให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ตารางด้านล่างนี้จะเปรียบเทียบข้อกำหนดทางกฎหมายระหว่างยานพาหนะสองประเภทนี้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการตัดสินใจเลือกซื้อและใช้งาน
| คุณสมบัติ/ข้อกำหนด | จักรยานไฟฟ้า (ตามกฎหมาย) | มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า (ตามกฎหมาย) |
|---|---|---|
| กำลังมอเตอร์ | ไม่เกิน 250 วัตต์ | เกิน 250 วัตต์ |
| ความเร็วสูงสุด | ไม่เกิน 25 กม./ชม. | เกิน 25 กม./ชม. |
| การจดทะเบียน | ไม่ต้องจดทะเบียน | ต้องจดทะเบียน |
| ใบอนุญาตขับขี่ | ไม่ต้องมี | ต้องมี (ประเภทรถจักรยานยนต์) |
| พ.ร.บ. | ไม่ต้องทำ | ต้องทำ |
| ภาษีประจำปี | ไม่ต้องเสีย | ต้องเสีย |
| พื้นที่ใช้งานที่แนะนำ | หมู่บ้าน, ซอย, ถนนรอง | ถนนสาธารณะทุกประเภท |
ประเด็นเรื่อง พ.ร.บ. จักรยานไฟฟ้า
จากตารางจะเห็นได้ว่า ประเด็นเรื่อง พ.ร.บ. จักรยานไฟฟ้า นั้นมีความชัดเจน กล่าวคือ หากยานพาหนะเป็น E-Bike ที่มีคุณสมบัติเข้าข่าย “จักรยาน” ก็จะไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายว่าด้วยการประกันภัยภาคบังคับ แต่หากยานพาหนะมีคุณสมบัติเข้าข่าย “รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า” การจัดทำ พ.ร.บ. ถือเป็นหน้าที่ที่กฎหมายบังคับ ซึ่งให้ความคุ้มครองแก่ตัวผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และบุคคลภายนอกในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
แนวทางการเลือกซื้อ E-Bike ให้สบายใจและถูกกฎหมาย
เพื่อให้การตัดสินใจซื้อ E-Bike เป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสมกับการใช้งาน ควรพิจารณาตามแนวทางต่อไปนี้:
- กำหนดวัตถุประสงค์การใช้งาน: หากต้องการใช้เพียงขับขี่ในระยะใกล้ เช่น ในหมู่บ้านหรือไปตลาด การเลือก E-Bike ที่มีสเปกไม่เกิน 250W และ 25 กม./ชม. ถือว่าเพียงพอและสะดวกที่สุด
- ตรวจสอบคุณสมบัติทางเทคนิค: ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรอ่านรายละเอียดสเปกของรถให้ชัดเจน โดยเฉพาะกำลังวัตต์ของมอเตอร์และความเร็วสูงสุดที่รถทำได้ ควรสอบถามผู้ขายเพื่อขอการยืนยันข้อมูล
- พิจารณาแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ: เลือกซื้อจากผู้จำหน่ายหรือแบรนด์ที่มีชื่อเสียง เช่น GIANT e-bike ซึ่งมักจะมีการระบุคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจนและเป็นไปตามมาตรฐาน ทำให้ผู้ซื้อมั่นใจได้ว่าจะได้รับสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย
- สอบถามเรื่องการจดทะเบียน: หากสนใจรุ่นที่มีสมรรถนะสูง (เกินเกณฑ์ที่กำหนด) ควรสอบถามผู้ขายให้แน่ใจว่ารถรุ่นนั้นสามารถนำไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกได้หรือไม่ และมีเอกสารประกอบการจดทะเบียนครบถ้วนหรือไม่
บทสรุป: ขับขี่ E-Bike อย่างไรให้ปลอดภัยและถูกกฎจราจร
โดยสรุปแล้ว คำถามที่ว่า E-Bike ต้องมีทะเบียน-ใบขับขี่ไหม? มีคำตอบที่ชัดเจนซึ่งขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของตัวรถเป็นสำคัญ เกณฑ์ชี้วัดคือ “กำลังมอเตอร์ไม่เกิน 250 วัตต์” และ “ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 25 กม./ชม.” หาก E-Bike ของท่านอยู่ในเกณฑ์นี้ ก็สามารถใช้งานได้เสมือนจักรยานทั่วไปโดยไม่ต้องมีทะเบียนหรือใบขับขี่ แต่หากคุณสมบัติเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ยานพาหนะคันนั้นจะถูกจัดเป็นรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อบังคับของกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งการจดทะเบียน, การทำ พ.ร.บ., และผู้ขับขี่ต้องมีใบอนุญาตขับขี่
การทำความเข้าใจข้อกฎหมายเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ใช้หลีกเลี่ยงบทลงโทษเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมวัฒนธรรมการขับขี่ที่ปลอดภัยและมีความรับผิดชอบต่อสังคม การเลือกซื้อยานพาหนะที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์และถูกต้องตามกฎระเบียบ จะทำให้การใช้งานจักรยานไฟฟ้าและสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเป็นไปอย่างราบรื่นและมอบประสบการณ์ที่ดีในการเดินทางได้อย่างแท้จริง
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาจักรยานไฟฟ้าที่ได้มาตรฐาน ถูกต้องตามกฎหมาย และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้งานที่หลากหลาย GIANT Shopping Mall คือศูนย์รวมจักรยานไฟฟ้า สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า และ E-Bike คุณภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองทุกความต้องการ พร้อมทีมงานที่สามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับสเปกและข้อกฎหมายได้อย่างแม่นยำ เพื่อให้ท่านเลือกซื้อยานพาหนะคู่ใจได้อย่างมั่นใจ
สามารถเยี่ยมชมสินค้าและรับคำปรึกษาได้ที่ FACEBOOK PAGE หรือ LINE และสามารถ ติดต่อ สอบถามเพิ่มเติม ผ่านทางเว็บไซต์ได้โดยตรง
