ขับ E-Bike บนถนนใหญ่: ต้องรู้กฎหมายอะไรบ้าง? ปลอดภัยแน่
- ประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณา
- ไขข้อสงสัย: E-Bike คืออะไรและทำไมจึงเป็นที่นิยม
- จำแนกประเภท E-Bike ตามกฎหมายจราจรไทย
- ตารางเปรียบเทียบข้อกฎหมายสำหรับยานพาหนะไฟฟ้าประเภทต่างๆ
- หลักปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยในการขับ E-Bike บนถนนใหญ่
- สถานการณ์และอนาคตของกฎหมาย E-Bike ในประเทศไทย
- บทสรุป: ขับขี่อย่างเข้าใจและปลอดภัย
- เลือกซื้อยานพาหนะไฟฟ้าที่ใช่สำหรับคุณ
ยานพาหนะไฟฟ้า หรือ E-Bike กำลังกลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วสำหรับการเดินทางในเมือง ด้วยข้อดีด้านการประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม การนำยานพาหนะเหล่านี้มาใช้งานบนท้องถนนจริงก่อให้เกิดคำถามสำคัญเกี่ยวกับข้อบังคับทางกฎหมายและความปลอดภัย บทความนี้จะให้ข้อมูลเชิงลึกและครอบคลุมเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถขับขี่ได้อย่างมั่นใจและถูกต้องตามระเบียบ
ประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณา
- จักรยานไฟฟ้า (มีบันไดถีบ): โดยทั่วไปจัดเป็น “จักรยาน” ตามกฎหมาย สามารถใช้งานบนถนนใหญ่ได้โดยไม่ต้องจดทะเบียนหรือมีใบขับขี่
- มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า: หากมีกำลังมอเตอร์และความเร็วเกินเกณฑ์ที่กำหนด จะถูกจัดเป็น “รถจักรยานยนต์” ซึ่งจำเป็นต้องจดทะเบียน มีป้ายทะเบียน และผู้ขับขี่ต้องมีใบอนุญาตขับขี่
- สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า: สถานะทางกฎหมายยังไม่มีความชัดเจน การนำมาขับขี่บนถนนใหญ่จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะผิดกฎหมายจราจรและอาจถูกจับปรับ
- ความปลอดภัย: ไม่ว่าจะเป็นยานพาหนะประเภทใด การสวมหมวกกันน็อกและติดตั้งอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย เช่น ไฟส่องสว่าง เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ
คำถามที่ว่าการ ขับ E-Bike บนถนนใหญ่: ต้องรู้กฎหมายอะไรบ้าง? ปลอดภัยแน่ หรือไม่นั้น เป็นประเด็นที่ผู้ใช้และผู้ที่สนใจจำนวนมากต้องการความชัดเจน เนื่องจากความนิยมของยานพาหนะไฟฟ้าส่วนบุคคล (Personal Electric Vehicle) เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่กฎหมายที่มีอยู่เดิมอาจยังไม่ครอบคลุมเทคโนโลยีใหม่เหล่านี้อย่างสมบูรณ์ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับประเภทของ E-Bike และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับแต่ละประเภท จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้การเดินทางทั้งสะดวกสบาย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญที่สุดคือปลอดภัยและถูกกฎหมาย
ไขข้อสงสัย: E-Bike คืออะไรและทำไมจึงเป็นที่นิยม
ในบริบททั่วไป คำว่า “E-Bike” มักถูกใช้เรียกยานพาหนะสองล้อที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างกว้างๆ ซึ่งอาจรวมถึงจักรยานไฟฟ้า มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า การเติบโตของตลาดยานพาหนะกลุ่มนี้ได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมันที่ผันผวน กระแสรักษ์โลกที่ส่งเสริมการลดการปล่อยมลพิษ และความต้องการ phương tiện เดินทางที่คล่องตัวในสภาพการจราจรที่แออัดของเมืองใหญ่ ยานพาหนะไฟฟ้าเหล่านี้ตอบโจทย์การเดินทางในระยะใกล้ถึงปานกลางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และยังช่วยลดภาระด้านสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ความนิยมที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดความจำเป็นเร่งด่วนในการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับข้อกฎหมาย เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ได้อย่างเต็มที่โดยไม่ขัดต่อระเบียบของสังคมและไม่สร้างความเสี่ยงต่อตนเองและผู้อื่น
ความสำคัญของการเข้าใจข้อกฎหมาย
การขาดความชัดเจนทางกฎหมายสำหรับยานพาหนะไฟฟ้าบางประเภท โดยเฉพาะสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ทำให้เกิด “พื้นที่สีเทา” ที่ผู้ใช้งานอาจกระทำผิดกฎหมายโดยไม่รู้ตัว การถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจสอบหรือจับปรับเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ หากยานพาหนะที่ใช้อยู่ไม่เข้าข่ายตามที่กฎหมายกำหนด หรือขาดคุณสมบัติที่จำเป็น เช่น การจดทะเบียน หรือการมีใบอนุญาตขับขี่ ดังนั้น การศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อนตัดสินใจซื้อหรือนำ E-Bike มาใช้งานบนถนนสาธารณะ จึงไม่ใช่แค่เรื่องของความถูกต้อง แต่เป็นเรื่องของความปลอดภัยและความรับผิดชอบต่อส่วนรวม
จำแนกประเภท E-Bike ตามกฎหมายจราจรไทย
หัวใจสำคัญของการพิจารณาว่า E-Bike สามารถขับบนถนนใหญ่ได้หรือไม่ คือการจำแนกประเภทของยานพาหนะให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกรมการขนส่งทางบกได้ให้คำนิยามและข้อกำหนดที่แตกต่างกันสำหรับยานพาหนะแต่ละชนิด
จักรยานไฟฟ้า (Pedal-Assist Electric Bicycle)
คำจำกัดความ: จักรยานไฟฟ้าในกลุ่มนี้มีลักษณะเด่นคือ มีบันไดสำหรับใช้แรงขาปั่นเป็นหลัก และมีมอเตอร์ไฟฟ้าติดตั้งอยู่เพื่อทำหน้าที่เป็นระบบช่วยผ่อนแรง (Pedal-Assist) เท่านั้น หมายความว่ามอเตอร์จะทำงานก็ต่อเมื่อผู้ขับขี่ออกแรงปั่น โดยทั่วไปแล้วกำลังของมอเตอร์จะไม่สูงมาก และความเร็วจะถูกจำกัดไว้ไม่ให้สูงเกินกว่าที่กฎหมายของหลายประเทศกำหนด
สถานะทางกฎหมาย: ตามกฎหมายไทย หากยานพาหนะมีลักษณะเป็น “จักรยาน” คือมีบันไดให้สามารถใช้แรงคนปั่นขับเคลื่อนได้ จะถูกตีความว่าเป็น “รถจักรยาน” ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งหมายความว่าสามารถนำมาขับขี่บนถนนสาธารณะได้เช่นเดียวกับจักรยานทั่วไป โดยไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนหรือมีใบอนุญาตขับขี่
ข้อควรปฏิบัติ: แม้จะถูกกฎหมาย ผู้ขับขี่จักรยานไฟฟ้าก็ควรปฏิบัติตามกฎจราจรสำหรับรถจักรยานอย่างเคร่งครัด เช่น ขับขี่ในช่องทางที่จัดไว้ให้ (ถ้ามี) ให้สัญญาณมือก่อนเลี้ยว และที่สำคัญคือต้องสวมหมวกนิรภัยเพื่อความปลอดภัย
มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า (Electric Motorcycle)
คำจำกัดความ: มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามีลักษณะทางกายภาพคล้ายคลึงกับรถจักรยานยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป แต่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงานในการขับเคลื่อนแทน ไม่มีบันไดสำหรับปั่น และมักถูกออกแบบมาให้ทำความเร็วและมีพละกำลังสูงกว่าจักรยานไฟฟ้า
สถานะทางกฎหมาย: ยานพาหนะประเภทนี้จะถูกจัดให้อยู่ในหมวด “รถจักรยานยนต์” ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ หากมีคุณสมบัติตามที่กำหนด เช่น มีกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าเกิน 500 วัตต์ หรือสามารถทำความเร็วสูงสุดได้เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ดังนั้น การนำมาใช้งานบนถนนใหญ่จึงต้องปฏิบัติตามข้อบังคับสำหรับรถจักรยานยนต์ทุกประการ ซึ่งได้แก่:
- การจดทะเบียน: ต้องนำรถไปจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกเพื่อขอรับแผ่นป้ายทะเบียนและเล่มทะเบียน
- ใบอนุญาตขับขี่: ผู้ขับขี่จะต้องมีใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
- พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ: ต้องมีการจัดทำประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.)
- การสวมหมวกนิรภัย: ทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายมีหน้าที่ต้องสวมหมวกนิรภัยตลอดเวลา
ความเสี่ยง: การขับขี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่เข้าข่ายเป็นรถจักรยานยนต์โดยไม่มีการจดทะเบียน ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย มีโทษปรับ และอาจนำไปสู่การยึดรถได้
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า (Electric Scooter)
คำจำกัดความ: เป็นยานพาหนะไฟฟ้าขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นแท่นสำหรับยืนขับขี่ มีแฮนด์สำหรับควบคุมทิศทาง ไม่มีเบาะนั่ง และไม่มีบันไดปั่น เป็นที่นิยมสำหรับการเดินทางระยะสั้นๆ ในเมือง
สถานะทางกฎหมาย: นี่คือประเภทของยานพาหนะไฟฟ้าที่มีความคลุมเครือทางกฎหมายมากที่สุดในปัจจุบัน กฎหมายจราจรของไทยยังไม่มีการบัญญัติหรือให้คำนิยามที่ชัดเจนสำหรับ “สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า” ทำให้ไม่สามารถนำไปจดทะเบียนเป็นยานพาหนะประเภทใดประเภทหนึ่งได้ เมื่อไม่สามารถจดทะเบียนได้ การนำมาใช้งานบนทางสาธารณะหรือถนนใหญ่จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจพิจารณาว่าเป็นการ “นำรถที่มิได้จดทะเบียนและเสียภาษีมาใช้ในทาง” ซึ่งเป็นความผิดและมีโทษปรับ
บริบทการใช้งานที่เหมาะสม: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายและเพื่อความปลอดภัย การใช้งานสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจึงควรจำกัดอยู่ในพื้นที่ส่วนบุคคล หมู่บ้านจัดสรร หรือเส้นทางสัญจรภายในซอยที่ไม่ใช่ถนนหลัก การนำไปใช้บนถนนที่มีการจราจรหนาแน่นเป็นสิ่งที่ไม่แนะนำอย่างยิ่ง เนื่องจากความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและการถูกดำเนินคดี
ตารางเปรียบเทียบข้อกฎหมายสำหรับยานพาหนะไฟฟ้าประเภทต่างๆ
| คุณสมบัติ | จักรยานไฟฟ้า (มีบันได) | มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า | สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า |
|---|---|---|---|
| ลักษณะทางกายภาพ | มีบันไดปั่นเป็นหลัก มอเตอร์ช่วยผ่อนแรง | ไม่มีบันได ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% | แท่นสำหรับยืนขับขี่ ไม่มีเบาะนั่ง |
| การจดทะเบียน | ไม่ต้องจดทะเบียน | ต้องจดทะเบียน (หากเข้าเกณฑ์) | ไม่สามารถจดทะเบียนได้ |
| ใบอนุญาตขับขี่ | ไม่จำเป็น | จำเป็น (ใบขับขี่รถจักรยานยนต์) | – |
| พ.ร.บ. / ภาษี | ไม่ต้องมี | ต้องมี พ.ร.บ. และชำระภาษีประจำปี | ไม่ต้องมี |
| การใช้งานบนถนนใหญ่ | ใช้งานได้ (ตามกฎจราจรของจักรยาน) | ใช้งานได้ (เมื่อจดทะเบียนถูกต้อง) | มีความเสี่ยงผิดกฎหมายสูง |
| สถานะทางกฎหมาย | ชัดเจน (ถูกกฎหมาย) | ชัดเจน (ถูกกฎหมายเมื่อทำตามข้อบังคับ) | ไม่ชัดเจน (มีความเสี่ยง) |
หลักปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยในการขับ E-Bike บนถนนใหญ่
นอกเหนือจากการปฏิบัติตามข้อกฎหมายแล้ว การคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ไม่สามารถละเลยได้ การขับขี่ยานพาหนะไฟฟ้าบนท้องถนนที่มีรถยนต์และรถขนาดใหญ่ร่วมทางด้วยนั้นมีความเสี่ยงแฝงอยู่เสมอ
การเลือกซื้อยานพาหนะไฟฟ้าที่เหมาะสม
ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรพิจารณาถึงวัตถุประสงค์หลักในการใช้งาน หากต้องการใช้เดินทางบนถนนใหญ่เป็นประจำ การเลือกจักรยานไฟฟ้าที่มีลักษณะถูกต้องตามกฎหมาย หรือมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่สามารถนำไปจดทะเบียนได้อย่างถูกต้อง คือทางเลือกที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด ควรตรวจสอบคุณสมบัติของรถ เช่น กำลังวัตต์ของมอเตอร์ และความเร็วสูงสุด เพื่อให้แน่ใจว่าสอดคล้องกับข้อบังคับและสามารถนำไปดำเนินการทางทะเบียนได้หากจำเป็น
อุปกรณ์ป้องกันที่จำเป็นเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ การเตรียมพร้อมด้วยอุปกรณ์ป้องกันจะช่วยลดความรุนแรงของการบาดเจ็บได้อย่างมาก
- หมวกนิรภัย: เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุด ควรเลือกใช้หมวกนิรภัยที่ได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) และสวมใส่ให้ถูกต้องพอดีกับศีรษะทุกครั้งที่ขับขี่
- ไฟส่องสว่างและไฟท้าย: การติดตั้งไฟหน้าสีขาวและไฟท้ายสีแดงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในการขับขี่ช่วงเวลากลางคืนหรือในสภาพอากาศที่มีทัศนวิสัยไม่ดี เพื่อให้ผู้ใช้รถคันอื่นสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากระยะไกล
- อุปกรณ์สะท้อนแสง: การสวมใส่เสื้อผ้าสีสว่างหรือเสื้อกั๊กสะท้อนแสง รวมถึงการติดตั้งแถบสะท้อนแสงบนตัวรถ จะช่วยเพิ่มการมองเห็นและลดความเสี่ยงในการถูกเฉี่ยวชน
- กระจกมองหลัง: การติดตั้งกระจกมองหลังจะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถประเมินสถานการณ์ด้านหลังได้โดยไม่ต้องหันศีรษะ ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะเปลี่ยนช่องทางหรือชะลอความเร็ว
ทักษะและข้อควรระวังในการขับขี่บนท้องถนน
การมีทักษะการขับขี่ที่ดีและความระมัดระวังเป็นพิเศษจะช่วยให้การเดินทางราบรื่นและปลอดภัย
- เคารพกฎจราจร: ปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจร ป้ายจราจร และเครื่องหมายบนพื้นทางอย่างเคร่งครัด
- ให้สัญญาณที่ชัดเจน: ใช้สัญญาณมือหรือสัญญาณไฟ (หากมี) เพื่อแจ้งให้ผู้ใช้รถคันอื่นทราบล่วงหน้าเมื่อต้องการเลี้ยว เปลี่ยนช่องทาง หรือหยุดรถ
- รักษาระยะห่างที่ปลอดภัย: เว้นระยะห่างจากรถยนต์คันข้างหน้าให้เพียงพอ เพื่อให้มีเวลาและระยะทางในการเบรกหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
- ระมัดระวังพื้นผิวถนน: หลีกเลี่ยงหลุม บ่อ ฝาท่อระบายน้ำ หรือพื้นผิวที่เปียกลื่นซึ่งอาจทำให้รถเสียการทรงตัวได้
- หลีกเลี่ยงจุดบอด: พยายามอยู่ในตำแหน่งที่ผู้ขับขี่รถยนต์ โดยเฉพาะรถบรรทุกหรือรถบัส สามารถมองเห็นได้ในกระจกมองข้าง หลีกเลี่ยงการขับขี่ขนาบข้างในบริเวณที่เป็นจุดบอด
- มีสมาธิในการขับขี่: งดการใช้โทรศัพท์มือถือหรือทำกิจกรรมอื่นที่รบกวนสมาธิขณะกำลังขับขี่
สถานการณ์และอนาคตของกฎหมาย E-Bike ในประเทศไทย
ปัจจุบัน ข้อกฎหมายของไทยยังคงอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อตามให้ทันกับนวัตกรรมยานพาหนะไฟฟ้าที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ความไม่ชัดเจนทางกฎหมาย โดยเฉพาะในกรณีของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าและยานพาหนะไฟฟ้าขนาดเล็กอื่นๆ สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่หน่วยงานภาครัฐต้องเผชิญในการกำกับดูแลเทคโนโลยีใหม่เหล่านี้ให้สมดุลระหว่างการส่งเสริมนวัตกรรมกับการรักษาความปลอดภัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อยบนท้องถนน
ในอนาคต มีแนวโน้มว่าอาจมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายหรือออกกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดนิยามและหลักเกณฑ์สำหรับยานพาหนะไฟฟ้าส่วนบุคคลให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจรวมถึงการกำหนดความเร็วสูงสุดที่อนุญาต, มาตรฐานความปลอดภัยของอุปกรณ์, ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำประกันภัย และการกำหนดพื้นที่หรือช่องทางที่สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตาม จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ผู้ใช้งานยังคงต้องยึดตามข้อกฎหมายปัจจุบันและใช้ความระมัดระวังในการเลือกและใช้งานยานพาหนะไฟฟ้าเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจตามมา
บทสรุป: ขับขี่อย่างเข้าใจและปลอดภัย
โดยสรุปแล้ว การจะตอบคำถามว่า “ขับ E-Bike บนถนนใหญ่: ต้องรู้กฎหมายอะไรบ้าง? ปลอดภัยแน่” หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ “ประเภท” ของยานพาหนะไฟฟ้าที่ใช้งานเป็นสำคัญ จักรยานไฟฟ้าที่มีบันไดถีบสามารถใช้งานบนถนนใหญ่ได้อย่างถูกกฎหมายเสมือนจักรยานทั่วไป ในขณะที่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจำเป็นต้องผ่านกระบวนการจดทะเบียนให้ถูกต้องจึงจะสามารถใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา ส่วนสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ายังคงเป็นยานพาหนะที่มีความเสี่ยงทางกฎหมายสูงในการใช้งานบนถนนหลัก
การเลือกใช้ E-Bike ที่ถูกต้องตามกฎหมายและเหมาะสมกับลักษณะการใช้งาน ควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมด้านอุปกรณ์ความปลอดภัยและทักษะการขับขี่ที่รอบคอบ คือแนวทางที่ดีที่สุดที่จะทำให้การเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้าของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น ปลอดภัย และสบายใจอย่างแท้จริง
เลือกซื้อยานพาหนะไฟฟ้าที่ใช่สำหรับคุณ
การเลือกยานพาหนะไฟฟ้าที่เหมาะสมกับความต้องการและถูกต้องตามกฎหมายเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ ที่ GIANT Shopping Mall มีจักรยานไฟฟ้า สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า และ E-bike หลากหลายประเภทให้เลือกสรร ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การเดินทาง พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
สามารถเข้ามาชมสินค้าหรือ ติดต่อ สอบถามเพิ่มเติม ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ที่:
- FACEBOOK PAGE: GIANT Shopping Mall
- LINE: @giantshoppingmall
- เบอร์โทรศัพท์: 061-962-2878
- เวลาทำการ: เปิดทุกวัน จันทร์ – เสาร์ (เวลา 9.00 – 18.00 น.)
- ที่ตั้งร้าน: 44 หมู่ 14 ตำบลบ้านเป็ด อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น 40000
