เจาะเทรนด์ E-Bike Sharing: อนาคตเดินทางใหม่ในเมืองไทย?

ท่ามกลางความท้าทายด้านการจราจรและสิ่งแวดล้อมในเขตเมืองใหญ่ บริการจักรยานไฟฟ้าสาธารณะ หรือ E-Bike Sharing ได้กลายเป็นหนึ่งในเทรนด์ที่น่าจับตามองทั่วโลก บทความนี้จะทำการ เจาะเทรนด์ E-Bike Sharing: อนาคตเดินทางใหม่ในเมืองไทย? โดยวิเคราะห์ถึงศักยภาพการเติบโต ปัจจัยขับเคลื่อน โอกาส และความท้าทายของโมเดลการเดินทางรูปแบบใหม่นี้ในบริบทของประเทศไทย ซึ่งกำลังเปลี่ยนผ่านสู่สังคมเมืองอัจฉริยะ (Smart City) และการสัญจรที่ยั่งยืน

ภาพรวมของ E-Bike Sharing

E-Bike Sharing คือ บริการให้เช่าจักรยานไฟฟ้าผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งผู้ใช้สามารถค้นหา ปลดล็อก และชำระค่าบริการผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนได้อย่างสะดวกสบาย โดยจัดเป็นส่วนหนึ่งของระบบการเดินทางขนาดเล็ก (Micromobility) ที่มุ่งเน้นการเดินทางในระยะสั้น หรือที่เรียกว่า “Last-mile connectivity” เพื่อเชื่อมต่อระหว่างระบบขนส่งมวลชนหลักกับจุดหมายปลายทางสุดท้ายของผู้ใช้งาน

• การเติบโตของตลาด: ตลาด E-Bike Sharing ในไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าตลาดการแบ่งปันจักรยานโดยรวมจะมีมูลค่าถึง 123.54 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2025
• ปัจจัยหนุนสำคัญ: การเติบโตนี้ได้รับแรงหนุนจากปัญหารถติดในเมืองใหญ่ การสนับสนุนจากภาครัฐในด้านยานยนต์ไฟฟ้า และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทำให้จักรยานไฟฟ้ามีประสิทธิภาพสูงขึ้น
• พฤติกรรมผู้บริโภค: คนเมืองรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาและคนทำงาน เริ่มมองหาทางเลือกการเดินทางที่ประหยัด สะดวก รวดเร็ว และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
• อนาคตที่ยั่งยืน: E-Bike Sharing ตอบโจทย์การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) โดยช่วยลดการปล่อยมลพิษ ลดปัญหาการจราจร และส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้กับประชาชน

ภาพรวมตลาด E-Bike Sharing ในประเทศไทย

ตลาดการสัญจรแบบแบ่งปัน (Shared Mobility) ในประเทศไทยกำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่รูปแบบการเดินทางที่ยั่งยืนมากขึ้น โดยมี E-Bike Sharing เป็นส่วนสำคัญของการเปลี่ยนแปลงนี้ การเติบโตอย่างรวดเร็วของภาคส่วนจักรยานไฟฟ้าและโซลูชันการเดินทางแบบแบ่งปันได้รับแรงผลักดันจากความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม นโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ และนวัตกรรมทางเทคโนโลยี

มีการคาดการณ์ว่าตลาดการแบ่งปันจักรยานของไทยจะมีรายได้สูงถึง 123.54 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2025 โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดจักรยานไฟฟ้าที่วิ่งได้ระยะไกล (Long-range e-bike) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการขยายตัวที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะเติบโตจาก 6.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 เป็น 14.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2031 คิดเป็นอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) ที่ 14.1%

หากพิจารณาเฉพาะกลุ่มจักรยานไฟฟ้า คาดว่าจะสร้างรายได้ถึง 71.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 และมีอัตราการเติบโตต่อปีที่ 4.33% ระหว่างปี 2025 ถึง 2030 ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงตำแหน่งของประเทศไทยในตลาด E-Bike ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งมีมูลค่ารวม 11.92 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 17.09 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2033

ปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของตลาด

การขยายตัวของตลาด E-Bike Sharing ในประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัยที่ทำงานร่วมกัน ตั้งแต่ปัญหาสังคมเมืองไปจนถึงนโยบายระดับชาติและนวัตกรรมระดับโลก

ปัญหาจราจรและแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อม

ปัญหาการจราจรที่ติดขัดอย่างรุนแรงในกรุงเทพมหานครสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจมากกว่า 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ตามข้อมูลการวิจัยของธนาคารโลก วิกฤตการณ์นี้ได้กระตุ้นให้ทั้งผู้บริโภคและผู้กำหนดนโยบายต้องแสวงหาทางเลือกใหม่ในการเดินทาง นอกจากนี้ ราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นและความกังวลเกี่ยวกับมลพิษที่เพิ่มขึ้น ยังผลักดันให้คนเมืองหันมาสนใจตัวเลือกการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จักรยานไฟฟ้าจึงเป็นคำตอบที่เหมาะสม ด้วยดีไซน์ที่กะทัดรัด ไม่ปล่อยมลพิษ และความสามารถในการเดินทางผ่านถนนที่แออัดได้ดีกว่ายานพาหนะแบบดั้งเดิม

การสนับสนุนจากภาครัฐและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

รัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมการใช้จักรยานไฟฟ้าอย่างจริงจังผ่านกลไกหลายรูปแบบ เช่น การให้เงินอุดหนุน การลดหย่อนภาษี และการให้ทุนสำหรับการซื้อยานยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้ ภาครัฐยังลงทุนในการสร้างเลนจักรยานโดยเฉพาะและโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและส่งเสริมความยั่งยืนของตลาดในระยะยาว โดยประเทศไทยมีแผนที่จะมีรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าจำนวน 53,000 คันภายในปี 2025 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการขนส่งทางเลือก

นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย

เทคโนโลยีแบตเตอรี่ขั้นสูงกำลังปฏิวัติตลาด E-Bike ปัจจุบัน จักรยานไฟฟ้าที่วิ่งได้ระยะไกลสามารถใช้งานได้ 80–150 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ทำให้เหมาะสำหรับการเดินทางระยะไกลขึ้น คุณสมบัติต่างๆ เช่น ระบบเบรกแบบสร้างพลังงานกลับ (Regenerative braking) และระบบติดตาม GPS ช่วยเสริมสร้างการยอมรับของผู้บริโภค

การผสมผสานระหว่าง Internet of Things (IoT) และฟีเจอร์การเชื่อมต่ออัจฉริยะกำลังปรับเปลี่ยนความต้องการของผู้บริโภค โดยแอปพลิเคชันบนมือถือ, การติดตามด้วย GPS และระบบชำระเงินดิจิทัล ทำให้ผู้ขับขี่สามารถค้นหาจักรยาน, วางแผนเส้นทาง และชำระเงินได้อย่างราบรื่น

การขยายตัวของบริการ E-Bike Sharing

ศูนย์กลางเมืองต่างๆ ทั่วประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของแพลตฟอร์ม E-Bike Sharing มีการนำจักรยานไฟฟ้าที่วิ่งได้ระยะไกลเข้ามาให้บริการเพื่อขยายขอบเขตการใช้งานและตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้เดินทาง บริการให้เช่าเหล่านี้ยังเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้บริโภคที่ยังลังเลที่จะซื้อจักรยานไฟฟ้าเป็นของตนเอง

โมเดลการแบ่งปันมีข้อดีหลายประการ คือ ช่วยลดอุปสรรคในการเข้าถึงสำหรับผู้ใช้ที่มีศักยภาพ, มีความยืดหยุ่นผ่านระบบไร้สถานีจอด (Dockless) และช่วยให้หน่วยงานเทศบาลสามารถลดปัญหาความแออัดและการปล่อยมลพิษได้ ผู้ประกอบการเองก็มุ่งเน้นไปที่ความทนทานและระยะทางที่ยาวขึ้นเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของยานพาหนะในระบบ

การขยายตัวของ E-Bike Sharing สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่โซลูชันการสัญจรแบบแบ่งปันในภาพรวม ในระดับโลก ตลาดการแบ่งปันจักรยานคาดว่าจะเติบโตจาก 5.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 เป็น 9.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2034 โดยมีภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นผู้นำในการยอมรับเทคโนโลยีนี้ ซึ่งการร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public-private partnerships) และเงินอุดหนุนจากรัฐบาลมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการขยายตัวนี้

การยอมรับและพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทย

ความต้องการใช้ E-Bike Sharing ในประเทศไทยส่วนใหญ่มาจากผู้ที่เดินทางในเมืองที่ต้องการทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าแทนรถยนต์และระบบขนส่งสาธารณะ มีปัจจัยหลายประการที่ดึงดูดผู้บริโภคชาวไทย:

• ความสะดวกสบาย: จักรยานไฟฟ้าสามารถเดินทางในระยะทางสั้นๆ ที่อาจใช้เวลาถึง 20 นาทีโดยรถยนต์ในช่วงเวลาที่การจราจรหนาแน่นได้เร็วกว่าอย่างเห็นได้ชัด
• ความประหยัด: การประหยัดค่าใช้จ่ายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ การชาร์จจักรยานไฟฟ้ามีค่าใช้จ่ายเพียงไม่กี่บาทเมื่อเทียบกับค่าน้ำมันและค่าจอดรถ
• ความคล่องตัว: ด้วยขนาดที่กะทัดรัด จักรยานไฟฟ้าจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับถนนที่แคบ การจราจรที่คับคั่ง และย่านที่อยู่อาศัยที่หนาแน่นของประเทศไทย
• ประโยชน์ต่อสุขภาพ: การใช้จักรยานไฟฟ้าส่งเสริมการออกกำลังกายโดยไม่ทำให้เหนื่อยล้าเท่ากับการปั่นจักรยานแบบดั้งเดิม
• จิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม: โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ มีแนวโน้มที่จะเลือกใช้การขนส่งที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

เปรียบเทียบการเดินทางในเมือง

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นถึงข้อได้เปรียบของ E-Bike Sharing เมื่อเทียบกับรูปแบบการเดินทางอื่น ๆ ในบริบทของเมืองใหญ่ในประเทศไทย สามารถเปรียบเทียบในมิติต่างๆ ได้ดังนี้

การพัฒนาเชิงกลยุทธ์ในอุตสาหกรรม

ผู้ผลิตแบตเตอรี่และแบรนด์จักรยานไฟฟ้ากำลังสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรม อุตสาหกรรมกำลังสำรวจรูปแบบการดำเนินงานที่หลากหลาย รวมถึงการลงทุนของภาคเอกชน, การเปิดประมูลโครงการ, และการร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน บริษัทต่างชาติเริ่มเข้ามาในตลาดไทย เช่น GCOOTER ซึ่งมีแผนจะจัดตั้งบริษัทสาขาในท้องถิ่นและดำเนินการสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าและจักรยานไฟฟ้าประมาณ 2,000 คันภายในสิ้นปี 2025

สำหรับโครงสร้างพื้นฐานในอนาคต มีแนวโน้มที่จะเป็นการผสมผสานระหว่างระบบที่มีสถานีจอด (Station-based) และระบบไร้สถานีจอด (Dockless) โดยอาจมีสถานีจอดเสมือน (Virtual stations) และความสามารถในการชาร์จอัตโนมัติในใจกลางเมือง

แนวโน้มและอนาคตของ E-Bike Sharing ในไทย

ตลาด E-Bike Sharing ของประเทศไทยดูเหมือนจะพร้อมสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืน เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างสอดคล้องกัน ไม่ว่าจะเป็นการขยายตัวของเมืองอย่างต่อเนื่อง, ความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น, การสนับสนุนด้านนโยบายจากรัฐบาล, การปรับปรุงทางเทคโนโลยี และการบูรณาการจักรยานไฟฟ้าเข้ากับระบบนิเวศการสัญจรแบบแบ่งปันที่กว้างขึ้น ภาคส่วนนี้ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของการเปลี่ยนแปลงการสัญจรในเมืองของประเทศไทย โดยนำเสนอโซลูชันสำหรับปัญหาความแออัด, การลดการปล่อยมลพิษ และความท้าทายในการเชื่อมต่อการเดินทางในระยะสุดท้าย (Last-mile connectivity) ที่เมืองต่างๆ ของไทยกำลังเผชิญอยู่

สรุปและทางเลือกสำหรับการเดินทางที่ยั่งยืน

เทรนด์ E-Bike Sharing ไม่ใช่แค่กระแสชั่วคราว แต่เป็นคำตอบที่สำคัญต่อความท้าทายด้านการเดินทางในเมืองของประเทศไทย ด้วยศักยภาพในการลดปัญหารถติด ประหยัดค่าใช้จ่าย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้จักรยานไฟฟ้าสาธารณะกลายเป็นอนาคตของการเดินทางที่ชาญฉลาดและยั่งยืน การเติบโตของตลาดที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ยิ่งตอกย้ำว่านี่คือทางเลือกใหม่ที่น่าจับตามองสำหรับคนเมือง

สำหรับผู้ที่สนใจในเทคโนโลยีจักรยานไฟฟ้าและมองหาโซลูชันการเดินทางส่วนบุคคลที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ GIANT Shopping Mall คือศูนย์รวมที่จำหน่ายจักรยานไฟฟ้าทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า หรือ E-bike ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองทุกความต้องการในการเดินทางของคุณ สามารถเยี่ยมชมสินค้าและรับคำปรึกษาได้ที่ FACEBOOK PAGE หรือช่องทาง LINE และ ติดต่อ สอบถามเพิ่มเติม เพื่อค้นหายานพาหนะไฟฟ้าที่ใช่สำหรับคุณ