E-Bike vs สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า: เลือกคันไหนเหมาะกับคุณ?
- ภาพรวมและประเด็นสำคัญในการตัดสินใจ
- ทำความเข้าใจยานพาหนะไฟฟ้าสองล้อแห่งยุค
-
การเปรียบเทียบ E-Bike vs สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า แบบเจาะลึก
- มิติที่ 1: ระยะทางและการใช้งานต่อเนื่อง
- มิติที่ 2: ความสะดวกสบายและสรีรศาสตร์ในการขับขี่
- มิติที่ 3: ความเร็วและสมรรถนะบนท้องถนน
- มิติที่ 4: ความคล่องตัว การพกพา และการจัดเก็บ
- มิติที่ 5: ราคา ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นและค่าบำรุงรักษา
- มิติที่ 6: ความปลอดภัยและความมั่นคงในการควบคุม
- มิติที่ 7: กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
- ตารางสรุปเปรียบเทียบ E-Bike และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า
- บทสรุป: จะเลือกจักรยานไฟฟ้าหรือสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าดี
- ค้นหายานพาหนะที่ใช่สำหรับคุณ
การตัดสินใจระหว่าง E-Bike vs สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า: เลือกคันไหนเหมาะกับคุณ? ถือเป็นโจทย์สำคัญสำหรับผู้ที่มองหายานพาหนะส่วนบุคคลที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งสองตัวเลือกต่างมอบความสะดวกสบายในการเดินทางระยะสั้นถึงกลางในเมือง แต่ก็มีลักษณะการใช้งาน ข้อดี และข้อจำกัดที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน การทำความเข้าใจในรายละเอียดของแต่ละประเภทจะช่วยให้สามารถเลือกยานพาหนะที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสมที่สุด
ภาพรวมและประเด็นสำคัญในการตัดสินใจ
- จักรยานไฟฟ้า (E-Bike): เหมาะสำหรับการเดินทางระยะไกลกว่า ให้ความสบายในการขับขี่สูง มีความมั่นคง ปลอดภัย และสามารถปั่นต่อไปได้แม้แบตเตอรี่จะหมด เหมาะกับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายเบาๆ และใช้บนสภาพถนนที่หลากหลาย
- สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า: โดดเด่นด้านความคล่องตัวสูง พกพาสะดวก และมีราคาเริ่มต้นที่เข้าถึงง่ายกว่า เหมาะสำหรับการเดินทางระยะสั้นในเมือง หรือใช้เชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะ (Last-mile commute)
- การเลือกระหว่างสองประเภท: ปัจจัยหลักที่ควรพิจารณาคือ ระยะทางการเดินทางในแต่ละวัน, ความสะดวกสบายที่ต้องการ, งบประมาณ, พื้นที่ในการจัดเก็บ และกฎหมายข้อบังคับในพื้นที่ที่ใช้งาน
- ค่าใช้จ่ายและการบำรุงรักษา: โดยทั่วไปสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นและค่าบำรุงรักษาต่ำกว่า เนื่องจากมีชิ้นส่วนกลไกที่ซับซ้อนน้อยกว่าจักรยานไฟฟ้า
ทำความเข้าใจยานพาหนะไฟฟ้าสองล้อแห่งยุค
ในยุคที่การเดินทางในเมืองมีความท้าทายมากขึ้น ทั้งจากปัญหารถติดและค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่สูงขึ้น ยานพาหนะไฟฟ้าส่วนบุคคล (Personal Electric Vehicle) จึงกลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะจักรยานไฟฟ้าและสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นสองตัวเลือกหลักที่เข้ามาตอบโจทย์การเดินทางยุคใหม่ การทำความเข้าใจถึงนิยามและลักษณะพื้นฐานของยานพาหนะทั้งสองชนิดนี้เป็นก้าวแรกที่สำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อรถไฟฟ้าคันแรกที่เหมาะสม
จักรยานไฟฟ้า (E-Bike) คืออะไร?
จักรยานไฟฟ้า หรือ E-Bike คือจักรยานที่มีการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ และระบบควบคุม เพื่อช่วยผ่อนแรงในการปั่น หัวใจสำคัญของ E-Bike คือระบบช่วยปั่น (Pedal Assist System – PAS) ซึ่งมอเตอร์จะทำงานเมื่อผู้ขับขี่ออกแรงปั่น ทำให้การเดินทางไกลหรือการขึ้นทางลาดชันทำได้ง่ายและเหนื่อยน้อยลง E-Bike ยังคงให้ประสบการณ์การขับขี่คล้ายจักรยานทั่วไป สามารถออกกำลังกายได้ แต่ให้ความสะดวกสบายและความเร็วที่เพิ่มขึ้น บางรุ่นอาจมีโหมดคันเร่ง (Throttle) ที่สามารถเคลื่อนที่ได้โดยไม่ต้องปั่นเลย ทำให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยานพาหนะที่ผสมผสานระหว่างการเดินทาง การออกกำลังกาย และความสะดวกสบาย
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า (Electric Scooter) คืออะไร?
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า คือยานพาหนะสองล้อขนาดเล็กที่มีแท่นสำหรับยืน ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100% โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องออกแรงใดๆ เพียงแค่ใช้คันเร่งในการควบคุมความเร็ว จุดเด่นของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าคือขนาดที่กะทัดรัด น้ำหนักเบา และส่วนใหญ่สามารถพับเก็บได้ ทำให้มีความคล่องตัวสูงในการซอกแซกไปตามการจราจรในเมือง สามารถพกพาขึ้นรถไฟฟ้า หรือเก็บไว้ในอาคารและที่พักได้อย่างง่ายดาย สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจึงเป็นคำตอบสำหรับผู้ที่ต้องการความรวดเร็วและความสะดวกสูงสุดในการเดินทางระยะสั้นๆ ในเขตเมือง
การเปรียบเทียบ E-Bike vs สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า แบบเจาะลึก
เพื่อประกอบการตัดสินใจ การเปรียบเทียบคุณสมบัติในแต่ละด้านอย่างละเอียดจะช่วยให้เห็นภาพความแตกต่างและเลือกยานพาหนะที่ตรงกับความต้องการได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
มิติที่ 1: ระยะทางและการใช้งานต่อเนื่อง
จักรยานไฟฟ้า (E-Bike): มีความได้เปรียบอย่างชัดเจนในด้านระยะทาง โดยทั่วไป E-Bike หนึ่งคันสามารถวิ่งได้ระยะทางเฉลี่ย 40 ถึง 80 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และในรุ่นที่มีแบตเตอรี่ความจุสูงระดับพรีเมียมอาจทำระยะทางได้ไกลถึง 190 กิโลเมตร จุดเด่นที่สุดคือ เมื่อแบตเตอรี่หมด ผู้ขับขี่ยังสามารถปั่นต่อไปได้เหมือนจักรยานธรรมดา ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดกลางทาง และระบบช่วยปั่นยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถบริหารจัดการพลังงานแบตเตอรี่เพื่อยืดระยะทางให้ไกลที่สุดได้
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า: ถูกออกแบบมาเพื่อการเดินทางระยะสั้นกว่า โดยมีระยะทางเฉลี่ยต่อการชาร์จอยู่ที่ 16 ถึง 48 กิโลเมตร แม้ว่าบางรุ่นที่มีสมรรถนะสูงอาจไปได้ไกลกว่านี้ แต่ข้อจำกัดสำคัญคือเมื่อแบตเตอรี่หมด สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจะกลายเป็นเพียงวัตถุที่ต้องใช้แรงเข็นเท่านั้น ซึ่งไม่สะดวกอย่างยิ่งในการเดินทางต่อ ดังนั้น สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจึงเหมาะกับผู้ที่วางแผนการเดินทางในระยะทางที่แน่นอนและสามารถเข้าถึงจุดชาร์จได้สะดวก
มิติที่ 2: ความสะดวกสบายและสรีรศาสตร์ในการขับขี่
จักรยานไฟฟ้า (E-Bike): ให้ความสะดวกสบายที่เหนือกว่าสำหรับการเดินทางระยะไกล ด้วยท่าทางการขับขี่แบบนั่งที่เป็นธรรมชาติ มีอานที่รองรับน้ำหนักตัว และสามารถปรับระดับแฮนด์และอานให้เข้ากับสรีระของผู้ขับขี่ได้ นอกจากนี้ E-Bike ส่วนใหญ่มักมีล้อขนาดใหญ่และระบบกันสะเทือน ซึ่งช่วยดูดซับแรงกระแทกจากพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบได้ดี ทำให้การขับขี่นุ่มนวลและลดความเมื่อยล้า
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า: ผู้ขับขี่จะต้องยืนตลอดเวลา ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเมื่อยล้าที่ขาและหลังได้หากเดินทางเป็นระยะเวลานาน ล้อที่มีขนาดเล็กทำให้รับรู้แรงสั่นสะเทือนจากพื้นผิวขรุขระได้มากกว่า แม้ว่าบางรุ่นจะมีระบบกันสะเทือนติดตั้งมาให้ แต่โดยรวมแล้วความสบายในการขับขี่ยังคงเป็นรองจักรยานไฟฟ้าอย่างชัดเจน และไม่เหมาะกับการเดินทางที่ใช้เวลานานๆ
มิติที่ 3: ความเร็วและสมรรถนะบนท้องถนน
จักรยานไฟฟ้า (E-Bike): โดยทั่วไปมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 32 ถึง 48 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วที่เพียงพอและปลอดภัยสำหรับการใช้งานบนถนนและทางจักรยาน ความเร็วจะขึ้นอยู่กับกำลังของมอเตอร์และแรงปั่นของผู้ขับขี่เป็นสำคัญ
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า: มีช่วงความเร็วที่กว้างกว่า รุ่นมาตรฐานทั่วไปทำความเร็วได้ประมาณ 32 ถึง 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ในรุ่นสมรรถนะสูงบางรุ่นอาจทำความเร็วได้ถึง 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างไรก็ตาม กฎหมายในหลายประเทศมักจำกัดความเร็วสูงสุดของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าไว้ไม่เกิน 32-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพื่อความปลอดภัยในการใช้งานร่วมกับผู้ใช้ทางเท้าและยานพาหนะอื่นๆ
มิติที่ 4: ความคล่องตัว การพกพา และการจัดเก็บ
จักรยานไฟฟ้า (E-Bike): มีขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงกับจักรยานทั่วไป ซึ่งทำให้ต้องการพื้นที่ในการจอดที่เหมาะสม เช่น ที่จอดจักรยาน หรือพื้นที่ในบ้าน การนำขึ้นอาคารหรือพกพาไปในระบบขนส่งสาธารณะทำได้ค่อนข้างลำบาก แต่ในด้านการขับขี่บนท้องถนน สามารถใช้ทางจักรยานร่วมกับจักรยานทั่วไปได้
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า: ชนะขาดในด้านนี้ ด้วยขนาดที่เล็ก น้ำหนักเบา และกลไกการพับที่ออกแบบมาอย่างดี ทำให้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเป็นที่สุดของความคล่องตัว สามารถพับเก็บและหิ้วขึ้นรถไฟฟ้า รถโดยสารประจำทาง หรือเก็บไว้ใต้โต๊ะทำงานได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องการพื้นที่จอดเฉพาะ ทำให้เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับชีวิตในเมืองที่มีพื้นที่จำกัด
การเลือกระหว่างความสบายในการเดินทางไกลของ E-Bike กับความคล่องตัวสูงสุดของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า คือหัวใจสำคัญของการตัดสินใจที่ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคล
มิติที่ 5: ราคา ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นและค่าบำรุงรักษา
จักรยานไฟฟ้า (E-Bike): มีราคาเริ่มต้นที่สูงกว่า โดยทั่วไปจะอยู่ในช่วงประมาณ 29,000 ถึง 110,000 บาท หรืออาจสูงกว่านั้นในรุ่นพรีเมียม เนื่องจากมีส่วนประกอบที่ซับซ้อนกว่า เช่น ชุดเกียร์ โซ่ ระบบเบรก และโครงสร้างที่ใหญ่กว่า การบำรุงรักษาก็จะมีรายละเอียดมากกว่า โดยต้องดูแลทั้งในส่วนของระบบไฟฟ้าและส่วนของจักรยานควบคู่กันไป
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า: มีราคาเริ่มต้นที่ย่อมเยากว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยมีราคาตั้งแต่ประมาณ 11,000 ถึง 55,000 บาท ทำให้เข้าถึงได้ง่ายกว่าสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นใช้รถไฟฟ้าคันแรก การบำรุงรักษาก็ง่ายกว่ามาก เนื่องจากมีชิ้นส่วนเคลื่อนไหวน้อยกว่า หลักๆ จะเป็นการดูแลรักษายาง เบรก และแบตเตอรี่เท่านั้น
มิติที่ 6: ความปลอดภัยและความมั่นคงในการควบคุม
จักรยานไฟฟ้า (E-Bike): โดยทั่วไปแล้วถือว่ามีความปลอดภัยและมั่นคงในการควบคุมมากกว่า เนื่องจากมีล้อขนาดใหญ่ที่ช่วยให้ข้ามผ่านอุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ บนท้องถนน เช่น หลุม หรือฝาท่อ ได้ดีกว่า จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำขณะนั่ง และโครงสร้างที่แข็งแรงทำให้การทรงตัวทำได้ง่ายและเป็นธรรมชาติ เหมาะกับการขับขี่บนถนนจริงที่ต้องใช้ความเร็วร่วมกับยานพาหนะอื่นๆ
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า: ต้องการทักษะการทรงตัวและความระมัดระวังที่สูงกว่า ล้อขนาดเล็กมีความเสี่ยงที่จะเสียการควบคุมได้ง่ายเมื่อเจอกับพื้นผิวที่ขรุขระหรือทางลาดชัน การเบรกกะทันหันต้องทำอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เสียสมดุล ดังนั้นผู้ขับขี่จึงต้องมีสมาธิและตื่นตัวต่อสภาพแวดล้อมรอบข้างตลอดเวลา
มิติที่ 7: กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
จักรยานไฟฟ้า (E-Bike): ในหลายประเทศ E-Bike ที่มีระบบช่วยปั่นและจำกัดความเร็ว มักถูกจัดอยู่ในประเภทเดียวกับจักรยานทั่วไป ทำให้สามารถใช้งานบนทางจักรยานได้โดยไม่มีข้อจำกัดเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม E-Bike ที่มีความเร็วสูงหรือมีเฉพาะโหมดคันเร่ง อาจถูกจัดเป็นจักรยานยนต์และต้องมีการจดทะเบียนหรือใบอนุญาตขับขี่
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า: กฎหมายและข้อบังคับสำหรับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ายังมีความแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่และยังอยู่ในช่วงของการพัฒนา บางพื้นที่อาจห้ามขี่บนทางเท้าโดยเด็ดขาด, จำกัดความเร็วสูงสุด, หรือกำหนดให้ต้องมีใบขับขี่ การตรวจสอบข้อบังคับในท้องถิ่นที่ใช้งานจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถใช้งานได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
ตารางสรุปเปรียบเทียบ E-Bike และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า
| คุณสมบัติ | จักรยานไฟฟ้า (E-Bike) | สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า |
|---|---|---|
| ระยะทางต่อชาร์จ | สูง (40 – 80 กม. โดยเฉลี่ย) | ปานกลาง (16 – 48 กม. โดยเฉลี่ย) |
| ความสะดวกสบาย | สูงมาก (ท่านั่ง, อาน, ระบบกันสะเทือน) | ต่ำ (ท่ายืน, เมื่อยล้าง่ายเมื่อเดินทางไกล) |
| ความเร็วสูงสุด | 32 – 48 กม./ชม. (ทั่วไป) | 32 – 40 กม./ชม. (ทั่วไป) |
| ความคล่องตัว/พกพา | ต่ำ (ขนาดใหญ่, น้ำหนักมาก) | สูงมาก (พับได้, น้ำหนักเบา, พกพาสะดวก) |
| ราคาเริ่มต้น | สูง (ประมาณ 29,000 – 110,000 บาท) | ต่ำ (ประมาณ 11,000 – 55,000 บาท) |
| ความปลอดภัย | สูง (ล้อใหญ่, ควบคุมมั่นคง) | ปานกลาง (ต้องใช้ทักษะทรงตัวสูง) |
| การใช้งานเมื่อแบตหมด | สามารถปั่นต่อได้เหมือนจักรยานปกติ | ต้องเข็นเท่านั้น |
| เหมาะสำหรับ | เดินทางไกล, ออกกำลังกาย, สภาพถนนหลากหลาย | เดินทางระยะสั้นในเมือง, เชื่อมต่อขนส่งสาธารณะ |
บทสรุป: จะเลือกจักรยานไฟฟ้าหรือสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าดี
สุดท้ายแล้ว การตัดสินใจในประเด็น E-Bike vs สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า: เลือกคันไหนเหมาะกับคุณ? ไม่มีคำตอบที่ตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคลเป็นสำคัญ การพิจารณาจากรูปแบบการใช้งานจริงจะนำไปสู่คำตอบที่ดีที่สุด
กรณีที่ควรเลือกใช้จักรยานไฟฟ้า (E-Bike)
ควรพิจารณาเลือกใช้จักรยานไฟฟ้า หากรูปแบบการใช้ชีวิตและการเดินทางสอดคล้องกับปัจจัยเหล่านี้:
- เดินทางระยะไกลเป็นประจำ: หากระยะทางไป-กลับจากที่ทำงานหรือสถานศึกษาเกินกว่า 10-15 กิโลเมตร E-Bike จะมอบความสบายและระยะทางที่เพียงพอมากกว่า
- ต้องการความสบายและลดแรงกระแทก: หากเส้นทางที่ใช้มีสภาพพื้นผิวไม่เรียบ หรือต้องการท่านั่งขับขี่ที่สบาย ไม่เมื่อยล้า E-Bike คือตัวเลือกที่เหมาะสม
- ต้องการออกกำลังกาย: E-Bike เปิดโอกาสให้ได้ออกแรงปั่น ช่วยเสริมสร้างสุขภาพ ในขณะที่มีมอเตอร์คอยช่วยผ่อนแรงเมื่อต้องการ
- ต้องการความปลอดภัยและความมั่นคง: สำหรับผู้ที่กังวลเรื่องการทรงตัว หรือต้องขับขี่บนถนนที่มีการจราจรหนาแน่น E-Bike ให้ความมั่นคงในการควบคุมที่สูงกว่า
- มีพื้นที่จัดเก็บเพียงพอ: มีพื้นที่สำหรับจอดจักรยานที่บ้านหรือที่ทำงานอย่างปลอดภัย
กรณีที่ควรเลือกใช้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจะเป็นตัวเลือกที่ลงตัว หากสถานการณ์การใช้งานเป็นดังนี้:
- เดินทางระยะสั้นในเมือง: การเดินทางในระยะไม่เกิน 5-10 กิโลเมตร เช่น ไปร้านสะดวกซื้อ ตลาด หรือสถานีรถไฟฟ้า สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจะมอบความรวดเร็วและสะดวกสบายสูงสุด
- ต้องการความคล่องตัวและการพกพา: หากต้องใช้ร่วมกับระบบขนส่งสาธารณะ หรืออาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมที่มีพื้นที่จำกัด สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่พับเก็บได้คือคำตอบ
- มีงบประมาณจำกัด: ด้วยราคาเริ่มต้นที่เข้าถึงง่ายกว่า ทำให้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการรถไฟฟ้าคันแรกโดยใช้งบประมาณไม่สูง
- เส้นทางเรียบและสะดวก: หากเส้นทางที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นถนนเรียบหรือทางเท้าที่ได้รับอนุญาต สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ค้นหายานพาหนะที่ใช่สำหรับคุณ
การเลือกยานพาหนะไฟฟ้าที่เหมาะสมเป็นการลงทุนเพื่อความสะดวกสบายและอิสระในการเดินทาง การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างจักรยานไฟฟ้าและสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าอย่างถ่องแท้ จะช่วยให้สามารถเลือกคู่หูในการเดินทางที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเพื่อไปทำงาน ไปเรียน หรือใช้ในชีวิตประจำวัน การเลือกสิ่งที่ใช่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว สำหรับผู้ที่สนใจและต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับยานพาหนะไฟฟ้า สามารถค้นหาตัวเลือกที่หลากหลายได้ที่ GIANT Shopping Mall ซึ่งเป็นศูนย์รวมจำหน่ายจักรยานไฟฟ้าทุกประเภท สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า E-bike และจักรยานที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการ
สามารถศึกษาข้อมูลและดูสินค้าได้ที่ FACEBOOK PAGE หรือ LINE และสามารถ ติดต่อ สอบถามเพิ่มเติม เพื่อรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรง
