วิเคราะห์: สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ทางรอดใหม่การเดินทางในกรุงเทพ?
- ประเด็นสำคัญของการเดินทางด้วยสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า
- บทบาทของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าต่อการเดินทางในเมือง
- ศักยภาพของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าในฐานะยานพาหนะแห่งอนาคต
- เจาะลึกประสบการณ์ผู้ใช้งานจริงในกรุงเทพฯ
- ความท้าทายและปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเผชิญ
- มองไปข้างหน้า: สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจะกลายเป็นทางรอดได้จริงหรือ?
- บทสรุป: อนาคตการเดินทางในกรุงเทพฯ
- ค้นหาสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณ
ท่ามกลางปัญหารถติดและการจราจรที่หนาแน่นในกรุงเทพมหานคร การเดินทางด้วยสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าได้กลายเป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนเมือง อย่างไรก็ตาม การจะก้าวขึ้นมาเป็นทางออกหลักของการเดินทางยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ทั้งในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ความปลอดภัย และกฎระเบียบที่ยังไม่มีความชัดเจน
ประเด็นสำคัญของการเดินทางด้วยสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า
- ความคล่องตัวและประหยัด: สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์ Micromobility ที่ช่วยแก้ปัญหาการเดินทางระยะสั้น หรือ “last-mile” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- โครงสร้างพื้นฐานเป็นอุปสรรค: สภาพถนนและทางเท้าในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ยังไม่เอื้ออำนวยต่อการใช้งานสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าอย่างปลอดภัย ซึ่งเป็นความท้าทายหลักที่ต้องได้รับการแก้ไข
- ความปลอดภัยและกฎหมาย: การขาดกฎหมายควบคุมที่ชัดเจนส่งผลให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ทั้งต่อผู้ขับขี่และคนเดินเท้า การมีกฎระเบียบที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วน
- ศักยภาพในการเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชน: จุดเด่นที่สำคัญคือความสามารถในการพกพาเพื่อใช้เดินทางเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS และ MRT ช่วยลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางประจำวัน
- แนวโน้มการเติบโตในอนาคต: แม้จะมีข้อจำกัด แต่ความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการเป็นส่วนหนึ่งของระบบคมนาคมในเมืองใหญ่ตามเทรนด์ EV 2026
บทบาทของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าต่อการเดินทางในเมือง
บทวิเคราะห์: สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ทางรอดใหม่การเดินทางในกรุงเทพ? นี้จะสำรวจถึงศักยภาพและความท้าทายของยานพาหนะไฟฟ้าส่วนบุคคลประเภทนี้ในบริบทของเมืองหลวงที่มีความซับซ้อนด้านการจราจร การเกิดขึ้นของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า หรือ e-scooter จัดอยู่ในกลุ่ม “Micromobility” ซึ่งหมายถึงการเดินทางระยะใกล้ด้วยยานพาหนะขนาดเล็กและน้ำหนักเบา แนวคิดนี้ได้รับความสนใจอย่างสูงในเมืองใหญ่ทั่วโลก เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่ช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัด ลดมลพิษทางอากาศ และตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ที่ต้องการความรวดเร็วและคล่องตัวของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพฯ ที่มีความหนาแน่นของประชากรสูงกว่า 5,300 คนต่อตารางกิโลเมตร การหาทางเลือกการเดินทางใหม่ๆ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด
ศักยภาพของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าในฐานะยานพาหนะแห่งอนาคต
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าไม่ได้เป็นเพียงของเล่นหรืออุปกรณ์เพื่อความบันเทิงอีกต่อไป แต่กำลังมีบทบาทสำคัญในฐานะยานพาหนะส่วนบุคคลที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเดินทางในเมืองได้อย่างมีนัยสำคัญ ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการ ทำให้มันกลายเป็นตัวเลือกที่น่าจับตามองสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายและประสิทธิภาพในการเดินทาง
นิยามของ Micromobility และบทบาทของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า
Micromobility คือรูปแบบการเดินทางระยะสั้น โดยทั่วไปไม่เกิน 5–10 กิโลเมตร โดยใช้ยานพาหนะขนาดเล็ก เช่น จักรยาน สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า หรือโฮเวอร์บอร์ด เป้าหมายหลักคือการแก้ปัญหา “First-Mile/Last-Mile” ซึ่งเป็นระยะทางจากบ้านไปยังสถานีขนส่งสาธารณะ หรือจากสถานีไปยังที่ทำงาน สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาตอบโจทย์นี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยขนาดที่กะทัดรัด น้ำหนักเบา สามารถพกพาขึ้นรถไฟฟ้าหรือเก็บไว้ในอาคารได้ง่าย ทำให้การเดินทางเชื่อมต่อระหว่างระบบขนส่งมวลชนหลักเป็นไปอย่างราบรื่นและไร้รอยต่อ
ข้อดีที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง
ข้อได้เปรียบที่ชัดเจนของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามีหลายมิติที่สอดคล้องกับความต้องการของชีวิตคนเมืองสมัยใหม่:
- ความประหยัดและยั่งยืน: การใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนทำให้มีค่าใช้จ่ายต่อระยะทางที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง จากข้อมูลผู้ใช้งานจริงพบว่าค่าใช้จ่ายในการชาร์จไฟน้อยกว่าค่าโดยสารวินมอเตอร์ไซค์อย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยังไม่ปล่อยมลพิษทางอากาศ ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญสำหรับเมืองที่เผชิญกับปัญหาฝุ่น PM2.5
- ความสะดวกและคล่องตัว: การออกแบบให้มีขนาดเล็กและพับเก็บได้ทำให้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามีความคล่องตัวสูง สามารถหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดได้ดีกว่ารถยนต์ และเร็วกว่าการเดินเท้าอย่างมาก ความสามารถในการพกพาไปในที่ต่างๆ เช่น ออฟฟิศ ร้านกาแฟ หรือระบบขนส่งสาธารณะ ทำให้มันเป็นเครื่องมือที่เพิ่มอิสระในการเดินทางได้อย่างแท้จริง
เจาะลึกประสบการณ์ผู้ใช้งานจริงในกรุงเทพฯ
แม้ว่าภาพรวมจะดูมีศักยภาพ แต่การใช้งานจริงในสภาพแวดล้อมของกรุงเทพฯ ก็มีทั้งแง่มุมที่น่าพึงพอใจและข้อจำกัดที่ผู้ใช้ต้องปรับตัว ประสบการณ์จากผู้ใช้งานจริงให้ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญต่อการประเมินว่าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเป็นทางรอดที่เหมาะสมหรือไม่
การใช้งานร่วมกับระบบขนส่งมวลชน
หนึ่งในกรณีการใช้งานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือการใช้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเป็นยานพาหนะเสริมเพื่อเดินทางไปยังสถานีรถไฟฟ้า BTS หรือ MRT มีการรีวิวจากผู้ใช้งานว่าการพกพาสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าขึ้นรถไฟฟ้าสามารถทำได้สะดวก โดยเฉพาะรุ่นที่มีล้อเสริมช่วยให้สามารถตั้งและเข็นไปได้อย่างง่ายดาย การใช้งานลักษณะนี้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้รายหนึ่งระบุว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายจากเดิมที่ต้องเสียค่าวินมอเตอร์ไซค์วันละประมาณ 120 บาท เหลือเพียงค่าชาร์จไฟฟ้าเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่ามาก สำหรับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสเปกทั่วไปที่ทำความเร็วได้ประมาณ 30 กม./ชม. และวิ่งได้ไกลถึง 38 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน
บริการเช่าสกู๊ตเตอร์: ทางเลือกใหม่ของการเดินทาง
สำหรับผู้ที่ยังไม่ต้องการลงทุนซื้อเป็นของตัวเอง บริการเช่าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าผ่านแอปพลิเคชันอย่าง Beam ได้รับความนิยมอย่างสูง โดยเฉพาะในย่านธุรกิจและสถานศึกษา เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สามย่าน และบรรทัดทอง บริการเหล่านี้มอบความสะดวกสบายให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงสกู๊ตเตอร์ได้ตามจุดต่างๆ ที่กำหนดไว้ ทำให้การเดินทางระยะสั้นในบริเวณดังกล่าวเป็นเรื่องง่าย รวดเร็ว และสนุกสนาน เป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงความต้องการที่เกิดขึ้นจริงในตลาดการเดินทางในเมือง
กรณีศึกษา: จากการใช้งานในชีวิตประจำวันสู่การเดินทางไกล
ความคิดสร้างสรรค์ของผู้ใช้งานได้ขยายขอบเขตการใช้งานสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าไปไกลกว่าแค่การเดินทางในเมือง มีวิดีโอรีวิวที่แสดงการใช้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ารุ่น Ninebot D18w ควบคู่กับการเดินทางด้วย MRT เพื่อท่องเที่ยวรอบกรุงเทพฯ ภายใน 1 วัน สะท้อนให้เห็นถึงความคล่องตัวในการผสมผสานรูปแบบการเดินทางที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังมีกรณีที่น่าทึ่งของการเดินทางไกลถึงจังหวัดนครนายกเป็นระยะทางรวม 283 กิโลเมตร เพื่อพิสูจน์สมรรถนะและศักยภาพในการประหยัดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง
สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ารุ่นใหม่อย่าง Ninebot Kickscooter ES2 สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 30 กม./ชม. และมีกำลังเพียงพอที่จะขึ้นสะพานที่มีความชัน 15 องศาได้ดี ซึ่งเป็นสมรรถนะที่เหนือกว่าจักรยานทั่วไป อย่างไรก็ตาม ผู้ขับขี่จำเป็นต้องพิจารณาสภาพพื้นผิวถนนของกรุงเทพฯ เป็นปัจจัยสำคัญเสมอ
ความท้าทายและปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเผชิญ
แม้ว่าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจะมีข้อดีมากมาย แต่การนำมาใช้งานอย่างแพร่หลายในกรุงเทพฯ ยังคงต้องเผชิญกับอุปสรรคสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ สภาพโครงสร้างพื้นทางกายภาพ, ความปลอดภัยของผู้ใช้งานและผู้คนรอบข้าง, และความไม่ชัดเจนของข้อกฎหมาย ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
สภาพทางกายภาพของกรุงเทพฯ: อุปสรรคสำคัญ
งานวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสภาพแวดล้อมทางกายภาพกับการใช้งานสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าอย่างละเอียด โดยทำการทดสอบบนเส้นทาง 54 เส้นทางในกรุงเทพฯ และพบปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสบการณ์ของผู้ขับขี่ ดังนี้
- การขับขี่บนถนน: ความสะดวกสบายของผู้ขับขี่ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นผิวถนนที่เรียบ ไม่ชำรุด, การมีอุปสรรคน้อย, การมีช่องทางจักรยานโดยเฉพาะ, และความเร็วของกระแสจราจรที่ไม่สูงเกินไป ส่วนความปลอดภัยจะเพิ่มขึ้นหากมีเส้นแบ่งช่องจราจรที่ชัดเจนและมีปริมาณรถยนต์น้อย โดยปัจจัยที่มีผลต่อระดับความพึงพอใจโดยรวมมากที่สุดคือการมีอยู่ของช่องทางจักรยานและปริมาณการจราจรที่เบาบาง
- การขับขี่บนทางเท้า: สำหรับการใช้งานบนทางเท้า ปัจจัยด้านความปลอดภัยกลับกลายเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ซึ่งรวมถึงความกว้างของทางเท้า, การไม่มีสิ่งกีดขวาง, และพื้นผิวที่เรียบสม่ำเสมอ
ผลการวิจัยดังกล่าวได้เสนอแนะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลไปใช้ในการจัดทำคู่มือและแผนที่แนะนำเส้นทางที่เหมาะสมสำหรับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า เพื่อส่งเสริมการใช้งานอย่างปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
ความปลอดภัยและอุบัติเหตุที่เพิ่มขึ้น
เมื่อจำนวนผู้ใช้งานสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จำนวนอุบัติเหตุก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ความเร็วของสกู๊ตเตอร์ที่สามารถทำได้สูงถึง 25-30 กม./ชม. อาจก่อให้เกิดอันตรายได้หากขาดความระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับขี่บนทางเท้าซึ่งมักจะไม่มีการควบคุมความเร็ว ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการชนคนเดินเท้า การขาดความตระหนักรู้ถึงกฎจราจรและการไม่สวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน เช่น หมวกกันน็อค ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เพิ่มความรุนแรงของอุบัติเหตุ
ช่องว่างทางกฎหมาย: ความไม่ชัดเจนของข้อบังคับ
ปัจจุบัน ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายที่กำหนดสถานะและข้อบังคับสำหรับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ทำให้เกิดความสับสนว่าควรจัดอยู่ในหมวดหมู่ยานพาหนะประเภทใด และควรใช้กฎระเบียบใดในการควบคุม ความไม่ชัดเจนนี้แตกต่างจากหลายประเทศในยุโรปอย่างสิ้นเชิง ตัวอย่างเช่น กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ได้ออกกฎระเบียบที่เข้มงวดเพื่อจัดการการใช้งานสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าอย่างเป็นระบบ
| ข้อบังคับ | ประเทศไทย | กรุงปารีส (ตัวอย่าง) |
|---|---|---|
| สถานะทางกฎหมาย | ไม่ชัดเจน ยังไม่มีกฎหมายรองรับโดยตรง | กำหนดเป็นยานพาหนะส่วนบุคคลประเภทไฟฟ้า (EDPM) |
| การขับขี่บนทางเท้า | ไม่มีข้อห้ามที่ชัดเจน แต่มักถูกมองว่าผิดกฎหมาย | ห้ามขับขี่โดยเด็ดขาด (ยกเว้นพื้นที่ที่กำหนดและต้องใช้ความเร็วไม่เกิน 6 กม./ชม.) |
| การจำกัดความเร็ว | ไม่มีการควบคุม | จำกัดความเร็วสูงสุดที่ 25 กม./ชม. บนถนน |
| อุปกรณ์บังคับ | ไม่มีการบังคับใช้ | บังคับสวมหมวกกันน็อคและต้องผ่านการอบรมการขับขี่ที่ปลอดภัย |
มองไปข้างหน้า: สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจะกลายเป็นทางรอดได้จริงหรือ?
การที่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าจะสามารถก้าวข้ามจากการเป็นเพียงเทรนด์ชั่วคราวไปสู่การเป็นทางรอดที่ยั่งยืนสำหรับการเดินทางในกรุงเทพฯ ได้นั้น ขึ้นอยู่กับการวางแผนและพัฒนาอย่างเป็นระบบในหลายมิติ ทั้งในแง่ของเทคโนโลยี นโยบายภาครัฐ และพฤติกรรมของผู้ใช้งาน
แนวโน้มเทรนด์ EV ในปี 2026
เมื่อมองไปถึงปี 2026 คาดการณ์ว่าตลาดยานยนต์ไฟฟ้า (EV) จะเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งรวมถึงกลุ่มรถไฟฟ้าส่วนบุคคลอย่างสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าด้วย เทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นจะทำให้สกู๊ตเตอร์วิ่งได้ไกลขึ้นและมีน้ำหนักเบาลง ประกอบกับราคาที่เข้าถึงง่ายขึ้น จะยิ่งกระตุ้นให้ความนิยมเพิ่มสูงขึ้นไปอีก หากภาครัฐมีการสนับสนุนและวางโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม เช่น การเพิ่มจุดชาร์จสาธารณะ และการสร้างเลนจักรยานที่ปลอดภัยและเชื่อมต่อกันเป็นโครงข่าย ก็จะยิ่งผลักดันให้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ากลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบคมนาคมหลักของเมืองได้
ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
เพื่อให้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเป็นทางออกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับทุกคน จำเป็นต้องมีการดำเนินการในหลายด้านพร้อมกัน:
- การออกกฎหมายและข้อบังคับที่ชัดเจน: ภาครัฐควรเร่งกำหนดสถานะทางกฎหมายของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า พร้อมทั้งออกกฎระเบียบที่ครอบคลุม เช่น การจำกัดความเร็วในพื้นที่ต่างๆ, การกำหนดพื้นที่อนุญาตให้ขับขี่, และข้อบังคับเกี่ยวกับอุปกรณ์ความปลอดภัย
- การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน: การลงทุนปรับปรุงพื้นผิวถนนและทางเท้าให้เรียบ รวมถึงการสร้างและขยายช่องทางสำหรับจักรยานและสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าให้ครอบคลุมพื้นที่สำคัญๆ ของเมือง เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
- การสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัย: ควรมีการรณรงค์ให้ความรู้แก่ผู้ขับขี่และประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับวิธีการใช้งานสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าอย่างถูกต้องและปลอดภัย รวมถึงการเคารพกฎจราจรและสิทธิของผู้ใช้ทางร่วมกัน
บทสรุป: อนาคตการเดินทางในกรุงเทพฯ
โดยสรุปแล้ว สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามีศักยภาพสูงในการเป็น “ทางรอด” ใหม่สำหรับการเดินทางในกรุงเทพฯ ด้วยคุณสมบัติด้านความประหยัด ความคล่องตัว และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาการจราจรและไลฟ์สไตล์ของคนเมืองได้อย่างดีเยี่ยม อย่างไรก็ตาม การจะบรรลุศักยภาพนั้นได้อย่างเต็มที่จำเป็นต้องอาศัยการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง ทั้งในด้านกฎหมายที่ยังขาดความชัดเจน, โครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพที่ยังไม่เอื้ออำนวย, และมาตรการด้านความปลอดภัยที่ต้องถูกยกระดับ อนาคตของสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าในฐานะทางเลือกหลักของการเดินทางจึงขึ้นอยู่กับความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ผู้พัฒนา และผู้ใช้งานเอง ในการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเดินทางที่ปลอดภัยและยั่งยืนสำหรับทุกคน
ค้นหาสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณ
การเลือกสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่เหมาะสมกับการใช้งานเป็นสิ่งสำคัญ GIANT Shopping Mall คือศูนย์รวมจักรยานไฟฟ้าและสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าหลากหลายประเภท ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองทุกความต้องการในการเดินทางของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในเมือง หรือการเดินทางเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะ
ติดต่อ สอบถามเพิ่มเติม ได้ที่:
- FACEBOOK PAGE: https://www.facebook.com/giantshoppingmall
- LINE: @giantshoppingmall
- Website: ติดต่อเรา
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน จันทร์ – เสาร์ (เวลา 9.00 – 18.00 น.)
โทร: 061-962-2878
ที่ตั้งร้าน: 44 หมู่ 14 ตำบลบ้านเป็ด อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น 40000
