ส่องผังเมือง 2569: โอกาส E-Bike ในเขต Low-Emission Zone
การเปลี่ยนแปลงของเมืองใหญ่ทั่วโลกกำลังมุ่งหน้าสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน หนึ่งในนโยบายสำคัญคือการจัดตั้ง “เขตปล่อยมลพิษต่ำ” หรือ Low-Emission Zone (LEZ) ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อรูปแบบการเดินทางในชีวิตประจำวัน แนวคิดนี้กำลังเป็นที่จับตามองในประเทศไทย โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่เผชิญกับปัญหามลพิษทางอากาศและวิกฤตการจราจรอย่างต่อเนื่อง
ประเด็นสำคัญที่น่าจับตามอง
- แนวโน้มการจัดตั้งเขต Low-Emission Zone (LEZ): เมืองใหญ่ในไทย เช่น กรุงเทพมหานคร กำลังพิจารณาแนวทางการนำ LEZ มาใช้ เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษ PM2.5 และความหนาแน่นของการจราจร ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเดินทางในเขตเมือง
- E-Bike คือยานพาหนะแห่งอนาคต: จักรยานไฟฟ้า (E-Bike) และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ถูกมองว่าเป็นยานพาหนะทางเลือกที่สำคัญสำหรับเขต LEZ เนื่องจากไม่ปล่อยมลพิษ มีความคล่องตัวสูง และตอบโจทย์การเดินทางระยะสั้นในเมือง
- การสนับสนุนจากภาครัฐ: นโยบายส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ของรัฐบาล รวมถึงโครงการ EV 3.5 และการสนับสนุนการผลิตในประเทศ เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ตลาด E-Bike เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
- การปรับผังเมืองเพื่อรองรับ: ความสำเร็จของการใช้ E-Bike ในเขต LEZ ขึ้นอยู่กับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การสร้างเลนจักรยานที่ปลอดภัย การติดตั้งสถานีชาร์จ และการจัดสรรพื้นที่จอดรถที่เพียงพอ
- โอกาสทางธุรกิจใหม่: การเปลี่ยนแปลงนี้นำมาซึ่งโอกาสทางธุรกิจที่หลากหลาย ตั้งแต่บริการให้เช่า E-Bike (Sharing) ระบบขนส่งสินค้าในเมือง (Urban Logistics) ไปจนถึงการพัฒนาแอปพลิเคชันและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง
บทความนี้จะทำการวิเคราะห์แนวโน้มและเจาะลึกถึงประเด็น **ส่องผังเมือง 2569: โอกาส E-Bike ในเขต Low-Emission Zone** โดยสำรวจทิศทางการพัฒนาเมืองของไทย นโยบายที่เกี่ยวข้อง และโอกาสที่เกิดขึ้นสำหรับผู้ใช้งานและภาคธุรกิจ เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่าการเดินทางในเมืองใหญ่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่มีการประกาศใช้แผนผังเมืองปี 2569 หรือเขต LEZ สำหรับ E-Bike อย่างเป็นทางการ แต่ข้อมูลและแนวโน้มต่างๆ ชี้ให้เห็นถึงทิศทางที่ชัดเจนของการพัฒนาระบบนิเวศของยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กในเขตเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั้งผู้บริโภคและนักลงทุนควรให้ความสนใจ
ทิศทางผังเมืองไทยกับแนวคิด Low-Emission Zone
แนวคิดเรื่องการสร้างเมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนกำลังได้รับความสนใจมากขึ้นทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย การจัดการปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และปัญหาการจราจรที่ติดขัดในเมืองใหญ่ กลายเป็นวาระสำคัญที่ภาครัฐต้องเร่งหาแนวทางแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งหนึ่งในมาตรการที่มีประสิทธิภาพและถูกนำมาใช้ในหลายประเทศคือการกำหนดเขตปล่อยมลพิษต่ำ หรือ Low-Emission Zone (LEZ)
ความหมายและความสำคัญของ LEZ
Low-Emission Zone (LEZ) คือพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่กำหนดขึ้นภายในเขตเมือง โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศ ด้วยการจำกัดการเข้าถึงของยานพาหนะที่ปล่อยมลพิษสูง ยานพาหนะเหล่านี้มักเป็นรถยนต์รุ่นเก่า โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซลที่ไม่ได้มาตรฐานการปล่อยไอเสียในปัจจุบัน การบังคับใช้มาตรการอาจแตกต่างกันไปในแต่ละเมือง ตั้งแต่การห้ามเข้าโดยเด็ดขาด ไปจนถึงการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับยานพาหนะที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด
วัตถุประสงค์หลักของ LEZ ไม่ใช่การจำกัดการเดินทาง แต่เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนและภาคธุรกิจเปลี่ยนไปใช้ยานพาหนะที่สะอาดขึ้น เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ระบบขนส่งสาธารณะ หรือการเดินทางที่ไม่ใช้เครื่องยนต์อย่างการเดินและขี่จักรยาน ซึ่งรวมถึงจักรยานไฟฟ้า (E-Bike) และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าด้วย การดำเนินการดังกล่าวไม่เพียงช่วยลดปัญหามลพิษ แต่ยังช่วยลดความแออัดของการจราจร สร้างสภาพแวดล้อมในเมืองให้น่าอยู่ และส่งเสริมสุขภาพที่ดีของประชาชน
แนวโน้มการปรับใช้ในเมืองใหญ่ของไทย
สำหรับประเทศไทย เมืองใหญ่หลายแห่งกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและการจราจรอย่างหนักหน่วง กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ และภูเก็ต เป็นตัวอย่างของเมืองที่อยู่ระหว่างการศึกษาและพิจารณาแนวทางการจัดตั้งเขต LEZ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของแผนแม่บทในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) และการแก้ไขปัญหามลพิษอย่างยั่งยืน
คาดการณ์ว่าภายในช่วงปี 2568-2569 หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจะมีความเคลื่อนไหวที่ชัดเจนมากขึ้นในการผลักดันนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมในเมือง ซึ่งอาจนำไปสู่การประกาศใช้เขต LEZ ในพื้นที่นำร่อง การเปลี่ยนแปลงนี้จำเป็นต้องมีการปรับปรุงผังเมืองเพื่อรองรับรูปแบบการเดินทางใหม่ๆ เช่น การขยายโครงข่ายทางจักรยานให้ครอบคลุมและเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชน การติดตั้งสถานีชาร์จสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และการจัดสรรพื้นที่จอดรถสำหรับยานพาหนะขนาดเล็กอย่าง E-Bike ซึ่งทั้งหมดนี้จะกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของผังเมืองในอนาคต
จักรยานไฟฟ้า (E-Bike): คำตอบของการเดินทางในเมืองอนาคต
เมื่อทิศทางของเมืองมุ่งสู่การลดมลพิษ การมองหายานพาหนะทางเลือกจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็น จักรยานไฟฟ้า หรือ E-Bike ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในคำตอบที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเดินทางในเขตเมืองยุคใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีการบังคับใช้มาตรการอย่าง Low-Emission Zone
บทบาทสำคัญของ E-Bike ในเขต LEZ
E-Bike ถือเป็นองค์ประกอบเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญต่อความสำเร็จของนโยบาย LEZ ด้วยเหตุผลหลายประการ ประการแรกและสำคัญที่สุดคือ E-Bike เป็นยานพาหนะที่ไม่ปล่อยมลพิษจากท่อไอเสีย (Zero Tailpipe Emissions) ซึ่งสอดคล้องโดยตรงกับเป้าหมายหลักในการปรับปรุงคุณภาพอากาศ ประการที่สอง E-Bike ใช้พื้นที่บนท้องถนนและพื้นที่จอดรถน้อยกว่ารถยนต์ส่วนบุคคลอย่างมาก ช่วยลดปัญหาความแออัดของการจราจรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ E-Bike ยังตอบโจทย์การเดินทางระยะสั้นถึงปานกลาง (First-mile/Last-mile) ได้เป็นอย่างดี โดยสามารถเชื่อมต่อการเดินทางจากบ้านไปยังสถานีรถไฟฟ้า หรือจากสถานีไปยังที่ทำงานได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้คนที่ต้องการความคล่องตัว ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน
โครงการนำร่องและการเตรียมความพร้อมของเมือง
แม้ว่าแนวคิด LEZ จะยังไม่ถูกนำมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ แต่หลายเมืองในประเทศไทยได้เริ่มดำเนินโครงการที่ส่งเสริมการใช้จักรยานและ E-Bike แล้ว ซึ่งถือเป็นการปูทางไปสู่การเปลี่ยนแปลงในอนาคต
- กรุงเทพมหานคร: มีโครงการจักรยานสาธารณะ (BKK Bike) และความพยายามในการขยายเส้นทางจักรยานในหลายพื้นที่ เพื่อส่งเสริมการเดินทางที่ไม่ใช้เครื่องยนต์และเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะ
- เชียงใหม่: มีการรณรงค์อย่างต่อเนื่องให้ประชาชนหันมาใช้จักรยานและ E-Bike โดยเฉพาะในช่วงฤดูที่มีปัญหาฝุ่นละอองรุนแรง เพื่อลดแหล่งกำเนิดมลพิษจากการจราจร
- ภูเก็ต: มีการสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวใช้ E-Bike แทนรถมอเตอร์ไซค์เช่า เพื่อสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่
โครงการเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับที่เพิ่มขึ้นต่อยานพาหนะไฟฟ้าขนาดเล็ก และคาดว่าภายในปี 2569 จะมีการพิจารณาปรับปรุงผังเมืองอย่างจริงจังมากขึ้นเพื่อรองรับการใช้งาน E-Bike อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดพื้นที่เฉพาะ การสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น และการออกนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อให้ E-Bike กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนเมืองได้อย่างแท้จริง
นโยบายภาครัฐที่ขับเคลื่อนตลาด E-Bike
การเติบโตของตลาด E-Bike ในประเทศไทยไม่ได้เกิดขึ้นจากความต้องการของผู้บริโภคเพียงอย่างเดียว แต่ยังได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากนโยบายของภาครัฐที่มุ่งเป้าส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างครบวงจร ซึ่งนโยบายเหล่านี้ได้สร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการขยายตัวของ E-Bike ทั้งในด้านอุปทานและอุปสงค์
มาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในปัจจุบัน
รัฐบาลได้ออกมาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าหลายระยะ โดยโครงการล่าสุดอย่าง “EV 3.5” ได้ขยายขอบเขตการสนับสนุนให้ครอบคลุมถึงรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งรวมถึง E-Bike ด้วย โดยมีการให้เงินอุดหนุนแก่ผู้ซื้อเพื่อกระตุ้นความต้องการในตลาดและทำให้ราคาเข้าถึงง่ายขึ้น มาตรการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดภาระของผู้บริโภค แต่ยังส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังผู้ผลิตและนักลงทุนถึงทิศทางที่รัฐบาลให้การสนับสนุน
ในด้านการผลิต ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นฐานการผลิต E-Bike ที่สำคัญในภูมิภาค ข้อมูล ณ เดือนมกราคม 2568 ระบุว่ามีผู้ผลิต E-Bike ในประเทศกว่า 15 ราย ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมสูงถึง 550,000 คันต่อปี การลงทุนในภาคการผลิตนี้ช่วยสร้างงาน สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และทำให้มั่นใจได้ว่าจะมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและเพียงพอต่อความต้องการของตลาดที่กำลังเติบโต นอกจากนี้ ภาครัฐยังส่งเสริมการนำ E-Bike ไปใช้ในภาคบริการ เช่น การขนส่งสินค้า (Delivery) และการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นการสร้างตลาดใหม่และขยายฐานผู้ใช้งานให้กว้างขวางขึ้น
การสนับสนุนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
เมื่อมองไปข้างหน้า โดยเฉพาะในช่วงปี 2569 ซึ่งคาดว่าแนวคิด LEZ จะมีความชัดเจนมากขึ้น มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการออกมาตรการสนับสนุน E-Bike ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับเขตเมืองมากขึ้น มาตรการเหล่านี้อาจรวมถึง:
- การยกเว้นภาษี: อาจมีการพิจารณาลดหรือยกเว้นภาษีที่เกี่ยวข้องกับการซื้อหรือครอบครอง E-Bike เพื่อจูงใจให้ประชาชนเปลี่ยนมาใช้ยานพาหนะไฟฟ้ามากขึ้น
- การจัดตั้งโซนพิเศษ: การกำหนดโซนที่เป็นมิตรต่อ E-Bike โดยเฉพาะ เช่น การจำกัดความเร็วของรถยนต์ หรือการให้สิทธิ์ E-Bike ในการใช้ช่องทางพิเศษ
- การสนับสนุนในระดับชุมชน: โครงการที่สนับสนุนให้ชุมชนหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดหา E-Bike สำหรับให้สมาชิกยืมใช้งาน เพื่อส่งเสริมการเดินทางในระยะใกล้และลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว
นโยบายเหล่านี้จะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยเร่งให้เกิดการยอมรับและใช้งาน E-Bike อย่างแพร่หลาย ทำให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำในเขตเมืองเป็นไปได้อย่างราบรื่นและรวดเร็วยิ่งขึ้น
การเติบโตของตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค
ปัจจัยด้านนโยบายและผังเมืองเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสมการ การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญยังเกิดจากฝั่งผู้บริโภค ซึ่งพฤติกรรมและความต้องการที่เปลี่ยนไปได้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ตลาด E-Bike เติบโตอย่างก้าวกระโดด
เทรนด์ความนิยม E-Bike ที่เพิ่มสูงขึ้น
ความนิยมใน E-Bike ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศไทย แต่เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในเขตเมืองของยุโรปและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และวัยทำงาน กำลังมองหาทางเลือกในการเดินทางที่ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ ซึ่งต้องการทั้งความสะดวกสบาย ความประหยัด และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม E-Bike สามารถตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้อย่างลงตัว
ปัจจัยที่ทำให้ E-Bike ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ได้แก่ ความกังวลต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สูงขึ้น, ราคาพลังงานที่ผันผวน, ความต้องการหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัด และเทรนด์การดูแลสุขภาพที่ทำให้ผู้คนอยากมีกิจกรรมทางกายมากขึ้นแต่ไม่ต้องการความเหนื่อยล้าจนเกินไปในการเดินทางไปทำงาน
ภาพรวมตลาด E-Bike ในประเทศไทย
สำหรับตลาดในประเทศไทย คาดการณ์ว่าในปี 2569 การเติบโตของ E-Bike จะยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงหนุนจากการขยายตัวของเมือง (Urbanization) และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการใช้งานมากขึ้น เมื่อเมืองใหญ่เริ่มนำนโยบาย LEZ มาปรับใช้ จะยิ่งเป็นตัวเร่งให้ความต้องการ E-Bike เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากผู้คนจะมองหาทางเลือกอื่นมาทดแทนรถยนต์ที่อาจถูกจำกัดการใช้งาน
พฤติกรรมผู้บริโภคในไทยยังแสดงให้เห็นถึงการเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ มากขึ้น E-Bike ที่มาพร้อมฟังก์ชันอัจฉริยะ เช่น การเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันเพื่อดูข้อมูลการเดินทางหรือสถานะแบตเตอรี่ กำลังได้รับความสนใจเป็นพิเศษ นอกจากนี้ ตลาด E-Bike ยังขยายตัวไปยังกลุ่มผู้ใช้งานที่หลากหลายขึ้น จากเดิมที่อาจเป็นเพียงกลุ่มผู้รักการปั่นจักรยาน ก็ขยายไปสู่กลุ่มพนักงานออฟฟิศ นักเรียนนักศึกษา และผู้ประกอบอาชีพบริการจัดส่งสินค้า
โอกาสทางธุรกิจในระบบนิเวศของ E-Bike
การเปลี่ยนผ่านสู่การเดินทางด้วยยานพาหนะไฟฟ้าขนาดเล็กไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดประตูสู่โอกาสทางธุรกิจและการลงทุนใหม่ๆ ที่น่าสนใจในระบบนิเวศของ E-Bike ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การบริการไปจนถึงการพัฒนาเทคโนโลยี
การวิเคราะห์โอกาสสำหรับผู้ประกอบการ
ผู้ประกอบการและนักลงทุนสามารถมองหาโอกาสในหลากหลายมิติที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตของ E-Bike โดยเฉพาะในเขตเมืองที่มีแนวโน้มจะใช้มาตรการ LEZ โอกาสเหล่านี้ไม่จำกัดอยู่แค่การจำหน่ายยานพาหนะ แต่ยังขยายไปสู่การบริการและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง
| ประเภทธุรกิจ | กลุ่มเป้าหมาย | ปัจจัยสู่ความสำเร็จ |
|---|---|---|
| บริการ E-Bike Sharing | นักท่องเที่ยว, พนักงานออฟฟิศ, ประชาชนทั่วไปที่เดินทางระยะสั้น | การกระจายจุดบริการที่ครอบคลุม, แอปพลิเคชันที่ใช้งานง่าย, การบำรุงรักษาที่มีประสิทธิภาพ |
| สถานีชาร์จและพื้นที่จอด | ผู้ใช้งาน E-Bike ทุกคน, อาคารสำนักงาน, ห้างสรรพสินค้า, โครงการที่พักอาศัย | ทำเลที่ตั้งที่เข้าถึงง่าย, ระบบการชำระเงินที่สะดวก, ความปลอดภัยของพื้นที่ |
| บริการส่งของด้วย E-Bike | ร้านอาหาร, ธุรกิจ E-commerce, ผู้ประกอบการรายย่อย | ความรวดเร็วในการจัดส่ง, ต้นทุนที่แข่งขันได้, ระบบติดตามพัสดุที่มีประสิทธิภาพ |
| แอปพลิเคชันและแพลตฟอร์ม | ผู้ใช้งาน E-Bike, ผู้ให้บริการ Sharing, ผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์ | ฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ (เช่น การวางแผนเส้นทาง, การหาจุดชาร์จ), การเชื่อมต่อกับบริการอื่น, ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดี |
นอกเหนือจากที่กล่าวมา ยังมีโอกาสในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น การประกันภัยสำหรับ E-Bike, บริการซ่อมบำรุง, และการจำหน่ายอุปกรณ์เสริมต่างๆ การที่ภาครัฐเข้ามามีบทบาทในการวางแผนผังเมืองเพื่อรองรับ E-Bike อย่างเป็นระบบ เช่น การกำหนดเส้นทางเฉพาะ การสร้างสะพานหรือทางลอดสำหรับจักรยาน และการเชื่อมโยงกับระบบขนส่งสาธารณะ จะยิ่งช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในธุรกิจเหล่านี้มากยิ่งขึ้น
บทสรุปและแนวโน้มในอนาคต
แม้ว่า ณ ปัจจุบัน จะยังไม่มีแผน “ผังเมือง 2569” หรือการประกาศเขต Low-Emission Zone สำหรับ E-Bike อย่างเป็นทางการในประเทศไทย แต่แนวโน้มและทิศทางการพัฒนาเมืองมีความชัดเจนอย่างยิ่ง การผลักดันนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าจากภาครัฐ และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ล้วนเป็นสัญญาณที่ชี้ว่า E-Bike และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ากำลังจะกลายเป็นส่วนสำคัญของการเดินทางในเขตเมืองในอนาคตอันใกล้นี้
ปี 2569 จะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่อาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครและเมืองใหญ่ที่กำลังเผชิญกับความท้าทายด้านมลพิษและการจราจรอย่างรุนแรง การปรับตัวของเมืองเพื่อรองรับการเดินทางที่สะอาดและยั่งยืนขึ้น จะเปิดโอกาสมหาศาลให้กับจักรยานไฟฟ้าในการเข้ามามีบทบาทสำคัญ เป็นยานพาหนะที่มอบทั้งความคล่องตัว ประหยัด และเป็นมิตรต่อโลก
การเตรียมความพร้อมและปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันนี้ คือกุญแจสำคัญในการคว้าโอกาสที่มาพร้อมกับอนาคตของการเดินทางในเมือง
สำหรับผู้ที่มองเห็นโอกาสและต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางแห่งอนาคต การเลือกใช้จักรยานไฟฟ้าหรือสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าคือจุดเริ่มต้นที่สำคัญ ที่ GIANT Shopping Mall มีจักรยานไฟฟ้าทุกประเภท สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า และ E-bike ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการในการเดินทางในเมือง พร้อมให้คำแนะนำเพื่อเลือกรุ่นที่เหมาะสมที่สุดสำหรับไลฟ์สไตล์ของคุณ
สามารถเข้าชมสินค้าและรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ FACEBOOK PAGE, LINE หรือ ติดต่อ สอบถามเพิ่มเติม เพื่อเริ่มต้นประสบการณ์การเดินทางที่ดียิ่งขึ้น
