Micromobility เทรนด์มาแรง! E-Bike จะเปลี่ยนเมืองไทยอย่างไร?
Micromobility หรือการเดินทางระยะสั้นด้วยยานพาหนะไฟฟ้าขนาดเล็ก กำลังกลายเป็นเทรนด์สำคัญที่เข้ามาปฏิวัติรูปแบบการสัญจรในเขตเมืองทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จักรยานไฟฟ้า (E-Bike) และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นทางเลือกใหม่ที่สะดวกสบาย แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยแก้ปัญหาการจราจรติดขัดและลดมลพิษทางอากาศ
- การเติบโตแบบก้าวกระโดด: ตลาด Micromobility ในไทยมีแนวโน้มเติบโตสูงถึง 98.7% ต่อปีจนถึงปี 2030 โดยมี E-Bike และจักรยานยนต์ไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก
- ตอบโจทย์คนเมืองรุ่นใหม่: กลุ่มคนรุ่นใหม่ นักเรียนนักศึกษา และวัยทำงาน หันมาใช้ยานพาหนะไฟฟ้าขนาดเล็กมากขึ้น เนื่องจากความสะดวก คล่องตัว ประหยัดค่าใช้จ่าย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- เชื่อมต่อการเดินทางอย่างไร้รอยต่อ: E-Bike เข้ามาเติมเต็มช่องว่างของการเดินทางระยะแรกและระยะสุดท้าย (First-and-Last Mile) ช่วยให้การเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะหลักเป็นไปได้ง่ายขึ้น
- นโยบายภาครัฐหนุน: รัฐบาลส่งเสริมนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าผ่านการลดหย่อนภาษีและแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สถานีชาร์จและสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ เพื่อกระตุ้นการใช้งาน
- ผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคม: นอกจากช่วยลดปัญหาจราจรแล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางสำหรับบุคคลทั่วไป และสนับสนุนธุรกิจขนส่งและเดลิเวอรี่ที่กำลังเติบโต
ภาพรวมของ Micromobility และ E-Bike ในประเทศไทย
Micromobility เทรนด์มาแรง! E-Bike จะเปลี่ยนเมืองไทยอย่างไร? คำถามนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในภูมิทัศน์การคมนาคมของประเทศไทย Micromobility หมายถึง การใช้ยานพาหนะขนาดเล็กและน้ำหนักเบาสำหรับการเดินทางในระยะทางสั้นๆ โดยทั่วไปไม่เกิน 5-10 กิโลเมตร ยานพาหนะเหล่านี้มักเป็นระบบไฟฟ้า เช่น จักรยานไฟฟ้า (E-Bike) สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า และจักรยานยนต์ไฟฟ้า (E-moped) ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในฐานะทางเลือกที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพสำหรับการเดินทางในเมืองใหญ่ที่ประสบปัญหาการจราจรหนาแน่นและมลภาวะ
ความสำคัญของเทรนด์นี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนเมืองรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบาย ความคุ้มค่า และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม การเกิดขึ้นของ E-Bike และยานพาหนะไฟฟ้าขนาดเล็กอื่นๆ จึงไม่ใช่แค่กระแสชั่วคราว แต่เป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทางครั้งใหญ่ที่สอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) และเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ
การเติบโตของตลาด Micromobility ในไทย
ตลาด Micromobility ในประเทศไทยกำลังขยายตัวในอัตราที่น่าจับตามอง สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการเป็นส่วนสำคัญของระบบนิเวศการเดินทางในอนาคต โดยมีข้อมูลตัวเลขที่ยืนยันถึงแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง
มูลค่าตลาดและการคาดการณ์ในอนาคต
ในปี 2020 ตลาด Micromobility ของไทยมีรายได้อยู่ที่ 11.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) ที่สูงถึงประมาณ 98.7% ไปจนถึงปี 2030 โดยมีจักรยานยนต์ไฟฟ้าและ E-Bike เป็นผลิตภัณฑ์หลักที่ขับเคลื่อนตลาด
หากพิจารณาเฉพาะตลาดรถสองล้อไฟฟ้า (Electric two-wheeler) ซึ่งรวมถึง E-Bike ด้วยนั้น มีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตจนมีมูลค่าสูงถึง 558.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2033 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 12.12% นับตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป ตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และโอกาสทางธุรกิจที่เปิดกว้างสำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้
ปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโต
การเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาด Micromobility มีปัจจัยสนับสนุนหลายประการ:
- ความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อม: ปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ในเมืองใหญ่ ทำให้ผู้คนหันมาสนใจยานพาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
- ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ: E-Bike มีค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่าบำรุงรักษาต่ำกว่ารถยนต์ส่วนบุคคลและรถจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างมาก
- ความคล่องตัวในการเดินทาง: ในสภาพการจราจรที่ติดขัดของกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่อื่นๆ ยานพาหนะขนาดเล็กสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วและหาที่จอดรถได้ง่ายกว่า
- การเปลี่ยนแปลงของไลฟ์สไตล์: คนรุ่นใหม่มีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีและเปิดรับนวัตกรรมการเดินทางใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ชีวิตที่เร่งรีบและยืดหยุ่น
E-Bike กับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเดินทาง
การเข้ามาของ E-Bike และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ากำลังส่งผลกระทบโดยตรงต่อพฤติกรรมการเดินทางของผู้คนในเขตเมือง ทำให้เกิดรูปแบบการสัญจรใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น
กลุ่มผู้ใช้งานหลัก
กลุ่มประชากรที่เปิดรับ Micromobility อย่างรวดเร็วคือกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งรวมถึงนักเรียน นักศึกษา และวัยทำงานตอนต้น บุคคลกลุ่มนี้มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี (Tech-savvy) และใส่ใจปัญหาสิ่งแวดล้อม พวกเขามองว่า E-Bike เป็นทางเลือกที่ทันสมัย สะดวก และสอดคล้องกับค่านิยมของตนเอง อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยลดการพึ่งพารถยนต์ส่วนตัวและระบบขนส่งสาธารณะแบบดั้งเดิมที่มีข้อจำกัดในบางพื้นที่
บทบาทในการเชื่อมต่อการเดินทาง
E-Bikes มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเดินทางระยะแรกและระยะสุดท้าย (First-and-Last Mile Connectivity) ซึ่งเป็นช่องว่างสำคัญของระบบขนส่งมวลชนในปัจจุบัน
การเดินทาง “First Mile” คือการเดินทางจากบ้านไปยังสถานีรถไฟฟ้าหรือป้ายรถประจำทาง ในขณะที่ “Last Mile” คือการเดินทางจากสถานีไปยังจุดหมายปลายทาง เช่น ที่ทำงานหรือสถานศึกษา E-Bike สามารถตอบโจทย์การเดินทางในระยะนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ช่วยลดระยะเวลาและความไม่สะดวกในการเดินหรือรอรถโดยสารสาธารณะ ทำให้ภาพรวมของระบบคมนาคมในเมืองมีความเชื่อมโยงและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
| คุณสมบัติ | E-Bike / สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า | รถยนต์ส่วนบุคคล | ขนส่งสาธารณะ |
|---|---|---|---|
| ความคล่องตัว | สูงมาก สามารถลัดเลาะได้ในสภาพจราจรติดขัด | ต่ำ ติดขัดง่ายในชั่วโมงเร่งด่วน | ปานกลาง ขึ้นอยู่กับเส้นทางและเวลา |
| ค่าใช้จ่ายต่อครั้ง | ต่ำมาก (ค่าไฟฟ้า) | สูง (ค่าน้ำมัน, ค่าจอดรถ, ค่าบำรุงรักษา) | ปานกลาง (ค่าโดยสาร) |
| ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม | ต่ำมาก (ไม่มีการปล่อยมลพิษขณะใช้งาน) | สูง (ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และ PM2.5) | ปานกลาง (ขึ้นอยู่กับประเภทของยานพาหนะ) |
| ความสะดวกในการจอด | สูงมาก จอดง่ายในพื้นที่จำกัด | ต่ำ หาที่จอดยากและมีค่าใช้จ่าย | ไม่เกี่ยวข้อง |
| การเชื่อมต่อ First/Last Mile | ยอดเยี่ยม | ไม่สะดวกสำหรับระยะทางสั้นๆ | จำกัด ต้องเดินหรือใช้บริการอื่นต่อ |
แรงสนับสนุนจากภาครัฐและปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม
การผลักดันให้เกิดการใช้งานยานพาหนะไฟฟ้าไม่ได้มาจากฝั่งผู้บริโภคเพียงอย่างเดียว แต่ยังได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากภาครัฐ ซึ่งมองเห็นประโยชน์ในระยะยาวทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชน
นโยบายส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า
รัฐบาลไทยได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งครอบคลุมถึง E-Bike และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าด้วย มาตรการเหล่านี้รวมถึงการให้เงินอุดหนุน การลดอัตราภาษีสรรพสามิต และสิทธิประโยชน์ทางภาษีอื่นๆ เพื่อทำให้ราคาของยานพาหนะไฟฟ้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น นโยบายเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านจากยานพาหนะที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปไปสู่ยานพาหนะไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิงและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศได้อย่างยั่งยืน
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
หนึ่งในความกังวลหลักของผู้ที่พิจารณาใช้ยานพาหนะไฟฟ้าคือเรื่องของสถานีชาร์จ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายที่จะติดตั้งสถานีชาร์จแบบเร็ว (Fast Chargers) ให้ได้ 12,000 แห่งทั่วประเทศภายในปี 2030 นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมการลงทุนในสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ (Battery Swapping Stations) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางออกที่ช่วยลดความกังวลเรื่องระยะทางและประหยัดเวลาในการชาร์จ โดยผู้ใช้สามารถนำแบตเตอรี่ที่หมดแล้วมาเปลี่ยนเป็นแบตเตอรี่ที่ชาร์จเต็มได้ทันที
ขณะเดียวกัน ในเขตเมืองอย่างกรุงเทพมหานคร ก็มีความพยายามในการปรับปรุงผังเมืองเพื่อรองรับการเดินทางที่ไม่ใช้เครื่องยนต์ เช่น การสร้างเขตปลอดรถยนต์ (Car-free zones) และการพัฒนาทางเท้าและเลนจักรยานให้มีคุณภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการใช้งาน E-Bike และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าให้แพร่หลาย
ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม
การเติบโตของเทรนด์ Micromobility ไม่เพียงเปลี่ยนรูปแบบการเดินทาง แต่ยังสร้างผลกระทบเชิงบวกในมิติทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างกว้างขวาง ประการแรกคือการลดต้นทุนการเดินทางสำหรับประชาชนทั่วไปและภาคธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจขนส่งสินค้าและบริการเดลิเวอรี่ที่เติบโตอย่างรวดเร็วจากการขยายตัวของ E-commerce การใช้ E-Bike หรือจักรยานยนต์ไฟฟ้าช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงได้อย่างมหาศาล ทำให้ต้นทุนการดำเนินงานลดลง
นอกจากนี้ การผสมผสานบริการ Micromobility เข้ากับแพลตฟอร์มเรียกรถ (Ride-hailing) กำลังสร้างรูปแบบบริการใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ในเมืองได้ดียิ่งขึ้น ผู้ใช้สามารถวางแผนการเดินทางทั้งหมดผ่านแอปพลิเคชันเดียว ตั้งแต่การเรียกรถเพื่อเดินทางระยะไกล ไปจนถึงการเช่าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเพื่อเดินทางต่อไปยังจุดหมายสุดท้าย ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกและรักษาฐานผู้ใช้งานในระบบนิเวศการเดินทางของเมือง
ความท้าทายและภาพรวมการแข่งขันในตลาด
แม้ว่าแนวโน้มการเติบโตจะสดใส แต่ตลาด Micromobility ในไทยยังคงมีความท้าทายอยู่บ้าง ปัจจุบันตลาดยังมีลักษณะกระจัดกระจาย (Fragmented) โดยมีผู้เล่นหลายรายแข่งขันกัน ทั้งผู้ผลิตในประเทศและแบรนด์จากต่างประเทศ การแข่งขันที่สูงนี้ผลักดันให้ผู้ประกอบการต้องสร้างความแตกต่างและปรับปรุงบริการอย่างต่อเนื่อง เช่น การขยายเครือข่ายสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่เพื่อสร้างความสะดวกและลดความกังวลของผู้ใช้
ความท้าทายอื่นๆ รวมถึงเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่ กฎระเบียบที่อาจยังไม่ชัดเจนสำหรับยานพาหนะประเภทใหม่ๆ และความจำเป็นในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับได้อย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นโจทย์ที่ทั้งภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือกันแก้ไขเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบการเดินทางแบบ Micromobility เป็นไปอย่างราบรื่นและยั่งยืน
สรุป: อนาคตของการเดินทางในเมืองกับ E-Bike
การผงาดขึ้นของ E-Bike และเทรนด์ Micromobility ในประเทศไทย ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสู่ระบบการขนส่งในเมืองที่ยั่งยืน สะดวก และบูรณาการมากยิ่งขึ้น เทรนด์นี้สอดคล้องกับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐบาล โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่า E-Bike ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คืออนาคตของการเดินทางที่จะเข้ามาเปลี่ยนโฉมเมืองใหญ่ของไทยอย่างมีนัยสำคัญในทศวรรษข้างหน้านี้
สำหรับผู้ที่กำลังมองหายานพาหนะไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปทำงาน การเดินทางในชีวิตประจำวัน หรือเพื่อการพักผ่อน การเลือกใช้จักรยานไฟฟ้าหรือสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าทั้งต่อตนเองและต่อสิ่งแวดล้อม
GIANT Shopping Mall คือศูนย์รวมจักรยานไฟฟ้าทุกประเภท สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า และ E-bike ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการในการเดินทางยุคใหม่ พร้อมให้คำปรึกษาและบริการอย่างมืออาชีพ
สนใจสามารถติดต่อได้ที่:
FACEBOOK PAGE
LINE
ติดต่อ สอบถามเพิ่มเติม
เวลาทำการ: ทุกวันจันทร์ – เสาร์ (9.00 – 18.00 น.)
โทร: 061-962-2878
ที่ตั้ง: 44 หมู่ 14 ตำบลบ้านเป็ด อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น 40000
