“`html
แบตฯ โซเดียมไอออน: อนาคต E-Bike ที่ราคาถูกลง?
การแสวงหาแหล่งพลังงานทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและต้นทุนต่ำสำหรับยานยนต์ไฟฟ้ายังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางกระแสดังกล่าว เทคโนโลยีแบตเตอรี่โซเดียมไอออน (Sodium-ion Battery) ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะตัวแปรสำคัญที่อาจพลิกโฉมอุตสาหกรรมจักรยานไฟฟ้า (E-Bike) ให้กลายเป็นยานพาหนะที่เข้าถึงง่ายสำหรับคนทุกกลุ่ม
ประเด็นสำคัญของเทคโนโลยีแบตเตอรี่โซเดียมไอออน
- ต้นทุนการผลิตต่ำ: โซเดียมเป็นแร่ธาตุที่มีอยู่ทั่วไปในธรรมชาติและมีราคาถูกกว่าลิเธียมมาก ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่โซเดียมไอออนต่ำกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนอย่างมีนัยสำคัญ
- ความปลอดภัยสูง: แบตเตอรี่โซเดียมไอออนมีเสถียรภาพทางเคมีสูงกว่า ทำให้ลดความเสี่ยงจากการเกิดความร้อนสูงเกินไปหรือการลุกไหม้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับยานพาหนะส่วนบุคคล
- เหมาะสำหรับการใช้งานระยะสั้น: แม้จะมีความหนาแน่นพลังงานต่ำกว่าลิเธียมไอออน แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานในยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก เช่น E-Bike หรือ E-Scooter ที่เน้นการเดินทางในเมืองหรือระยะทางไม่ไกล
- เทคโนโลยีกำลังเข้าสู่เชิงพาณิชย์: ผู้ผลิตรายใหญ่หลายรายเริ่มนำแบตเตอรี่โซเดียมไอออนเข้าสู่สายการผลิตเชิงพาณิชย์แล้ว และคาดว่าจะขยายตลาดอย่างกว้างขวางภายในปี 2026 ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อราคา E-Bike ในตลาดระดับเริ่มต้น
เทคโนโลยีแบตเตอรี่โซเดียมไอออนกำลังกลายเป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในแวดวงยานยนต์ไฟฟ้า และเกิดคำถามสำคัญว่า แบตฯ โซเดียมไอออน: อนาคต E-Bike ที่ราคาถูกลง? นวัตกรรมนี้ถือเป็นความหวังใหม่ในการลดต้นทุนการผลิต ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ E-Bike ยังมีราคาสูงเกินกว่าที่ผู้บริโภคทั่วไปจะเข้าถึงได้ การใช้โซเดียมซึ่งเป็นวัตถุดิบที่หาได้ง่ายและมีราคาถูกมาแทนที่ลิเธียมที่หายากและมีราคาผันผวน อาจเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้จักรยานไฟฟ้ากลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างประเทศไทย
ทำไมเทคโนโลยีโซเดียมไอออนจึงมีความสำคัญต่อตลาด E-Bike
บริบทของตลาดจักรยานไฟฟ้าและความต้องการแบตเตอรี่ทางเลือก
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดจักรยานไฟฟ้า หรือ E-Bike ทั่วโลกเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด อันเนื่องมาจากกระแสรักษ์สุขภาพ ความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม และความต้องการยานพาหนะที่คล่องตัวสำหรับการเดินทางในเมือง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยด้านราคายังคงเป็นข้อจำกัดสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่มีต้นทุนสูงที่สุดใน E-Bike คิดเป็นสัดส่วนจำนวนมากของราคาจำหน่ายทั้งหมด
ความผันผวนของราคาลิเธียม ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการที่สูงขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และปริมาณสำรองที่มีจำกัดในบางภูมิภาคของโลก ได้กระตุ้นให้เกิดการวิจัยและพัฒนาแบตเตอรี่ทางเลือกอย่างจริงจัง แบตเตอรี่โซเดียมไอออนจึงถือกำเนิดขึ้นในฐานะคำตอบที่มีศักยภาพ ด้วยคุณสมบัติของวัตถุดิบหลักอย่างโซเดียม ที่สามารถสกัดได้จากน้ำทะเลหรือแร่เกลือหิน ซึ่งมีปริมาณมหาศาลและกระจายอยู่ทั่วโลก ทำให้มีความมั่นคงทางด้านวัตถุดิบและต้นทุนที่ต่ำกว่าอย่างชัดเจน
กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับประโยชน์โดยตรง
การมาถึงของแบตเตอรี่โซเดียมไอออนจะส่งผลดีต่อหลายภาคส่วน แต่กลุ่มที่ได้รับประโยชน์โดยตรงและชัดเจนที่สุดคือผู้บริโภคในตลาดระดับเริ่มต้น (Entry-level) ที่ต้องการ E-Bike สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น การเดินทางไปทำงาน การเดินทางระยะสั้นในชุมชน หรือเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ กลุ่มผู้ใช้งานเหล่านี้มักให้ความสำคัญกับราคาที่สมเหตุสมผลมากกว่าประสิทธิภาพขั้นสูงสุดอย่างระยะทางวิ่งที่ไกลเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ ผู้ผลิตจักรยานไฟฟ้าเองก็จะได้รับประโยชน์จากการมีทางเลือกด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่หลากหลายขึ้น การลดต้นทุนในส่วนของแบตเตอรี่จะช่วยให้สามารถพัฒนารถรุ่นใหม่ๆ ที่มีราคาแข่งขันได้มากขึ้น และสามารถเจาะตลาดกลุ่มผู้ซื้อวงกว้างที่ไม่เคยพิจารณา E-Bike มาก่อนเนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณ สิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นให้ตลาดโดยรวมขยายตัวและเกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมมากขึ้น
เจาะลึกแบตเตอรี่โซเดียมไอออน (Sodium-ion Battery)
คำจำกัดความและหลักการทำงาน
แบตเตอรี่โซเดียมไอออน (Sodium-ion Battery หรือ SIB) คือแบตเตอรี่ชนิดประจุซ้ำได้ (Rechargeable Battery) ที่มีหลักการทำงานคล้ายคลึงกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-ion Battery) ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน โดยอาศัยการเคลื่อนที่ของไอออนระหว่างขั้วไฟฟ้าแอโนด (Anode) และแคโทด (Cathode) ผ่านสารอิเล็กโทรไลต์ (Electrolyte) ในระหว่างกระบวนการอัดและคายประจุไฟฟ้า
ความแตกต่างที่สำคัญคือการใช้ “โซเดียมไอออน (Na+)” เป็นตัวกลางในการเก็บและปลดปล่อยพลังงาน แทนที่ “ลิเธียมไอออน (Li+)” แม้ว่าโซเดียมจะมีขนาดอะตอมที่ใหญ่กว่าและมีน้ำหนักมากกว่าลิเธียม ซึ่งส่งผลต่อความหนาแน่นของพลังงาน แต่ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีวัสดุศาสตร์ นักวิจัยสามารถพัฒนาวัสดุสำหรับขั้วไฟฟ้าที่เหมาะสม ทำให้แบตเตอรี่โซเดียมไอออนมีประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับการใช้งานในอุปกรณ์และยานพาหนะหลายประเภท
คุณสมบัติเด่นที่สร้างความได้เปรียบ
แบตเตอรี่โซเดียมไอออนมีจุดแข็งหลายประการที่ทำให้เป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจสำหรับอนาคตของ E-Bike และยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก:
- ต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่ามาก: ดังที่กล่าวไปแล้ว โซเดียมเป็นธาตุที่มีมากเป็นอันดับที่ 6 ในเปลือกโลก สามารถหาได้ง่ายจากแหล่งต่างๆ ทั่วโลก ทำให้ราคาวัตถุดิบต่ำและมีเสถียรภาพมากกว่าลิเธียม ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ลงได้อย่างมาก
- ความปลอดภัยที่สูงขึ้น: โซเดียมไอออนมีแนวโน้มที่จะมีเสถียรภาพทางความร้อนและทางเคมีที่ดีกว่าลิเธียมไอออนบางชนิด ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดสภาวะ “Thermal Runaway” หรือการลัดวงจรภายในที่นำไปสู่ความร้อนสูงและการลุกไหม้ได้น้อยกว่า
- ประสิทธิภาพดีเยี่ยมในอุณหภูมิต่ำ: หนึ่งในจุดเด่นที่น่าสนใจของแบตเตอรี่โซเดียมไอออนรุ่นใหม่ คือความสามารถในการทำงานได้ดีในสภาพอากาศหนาวเย็นจัด โดยสามารถคงประสิทธิภาพการทำงานได้แม้ในอุณหภูมิต่ำถึง -40°C ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบเหนือแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มักจะมีประสิทธิภาพลดลงอย่างมากในอุณหภูมิต่ำ
- ความสามารถในการชาร์จเร็ว: เทคโนโลยีโซเดียมไอออนบางรุ่นแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการชาร์จที่รวดเร็ว โดยสามารถอัดประจุได้ถึง 80% ภายในเวลาเพียง 15 นาที ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานที่ต้องการความรวดเร็วและต่อเนื่อง
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนกว่า: เนื่องจากโซเดียมมีปริมาณสำรองมหาศาล จึงลดความกังวลเรื่องการขาดแคลนวัตถุดิบในระยะยาว และลดผลกระทบจากการทำเหมืองที่ต้องใช้ทรัพยากรสูงเหมือนกับการสกัดลิเธียม
ข้อจำกัดและความท้าทายที่ต้องพัฒนาต่อ
แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่เทคโนโลยีแบตเตอรี่โซเดียมไอออนยังคงมีความท้าทายบางประการที่ต้องได้รับการพัฒนาต่อไปเพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างเต็มศักยภาพ:
- ความหนาแน่นของพลังงานต่ำกว่า: นี่คือข้อจำกัดที่สำคัญที่สุดในปัจจุบัน โดยทั่วไปแบตเตอรี่โซเดียมไอออนมีความหนาแน่นของพลังงาน (Energy Density) ต่ำกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ซึ่งหมายความว่าในขนาดและน้ำหนักที่เท่ากัน จะเก็บพลังงานได้น้อยกว่า ส่งผลให้ระยะทางวิ่งต่อการชาร์จหนึ่งครั้งของ E-Bike สั้นลง ตัวอย่างเช่น แบตเตอรี่โซเดียมไอออนที่พัฒนาโดย CATL มีความหนาแน่นพลังงานประมาณ 160 Wh/kg ซึ่งเทียบเท่าหรือต่ำกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) บางรุ่น
- อายุการใช้งาน (Cycle Life): จำนวนรอบการอัดและคายประจุของแบตเตอรี่โซเดียมไอออนในปัจจุบันยังอยู่ในช่วงของการพัฒนา และอาจมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนบางประเภท อย่างไรก็ตาม การวิจัยและพัฒนาวัสดุใหม่ๆ กำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงคุณสมบัติด้านนี้
- การยอมรับในตลาด: ในฐานะเทคโนโลยีใหม่ แบตเตอรี่โซเดียมไอออนยังต้องใช้เวลาในการสร้างความเชื่อมั่นและพิสูจน์ประสิทธิภาพในการใช้งานจริง เพื่อให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคยอมรับและหันมาเลือกใช้เป็นมาตรฐาน
ด้วยข้อจำกัดด้านความหนาแน่นพลังงาน แบตเตอรี่โซเดียมไอออนจึงเหมาะสมที่สุดสำหรับยานพาหนะไฟฟ้าที่เน้นการใช้งานระยะสั้นถึงปานกลาง เช่น การเดินทางในเขตเมือง ซึ่งไม่ต้องการแบตเตอรี่ที่มีระยะทางวิ่งไกลมากนัก แต่ต้องการราคาที่เข้าถึงได้และความปลอดภัยสูง
เปรียบเทียบประสิทธิภาพ: โซเดียมไอออน vs. ลิเธียมไอออน
เพื่อให้เห็นภาพความแตกต่างระหว่างเทคโนโลยีแบตเตอรี่ทั้งสองชนิดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น การเปรียบเทียบคุณสมบัติหลักในด้านต่างๆ จะช่วยให้เข้าใจถึงจุดเด่นและข้อจำกัดของแต่ละเทคโนโลยี และเหตุผลที่โซเดียมไอออนถูกวางตำแหน่งให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับตลาด E-Bike ราคาประหยัด
| คุณลักษณะ | แบตเตอรี่โซเดียมไอออน (Sodium-ion) | แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-ion) |
|---|---|---|
| ต้นทุนการผลิต | ต่ำมาก เนื่องจากวัตถุดิบโซเดียมมีราคาถูกและหาได้ง่าย | สูง เนื่องจากวัตถุดิบลิเธียมหายากและมีความต้องการสูง |
| ความหนาแน่นพลังงาน | ต่ำกว่า (ประมาณ 160 Wh/kg) ทำให้ระยะทางวิ่งสั้นลง | สูงกว่า (เริ่มต้นที่ 200 Wh/kg ขึ้นไป) ทำให้วิ่งได้ไกลกว่า |
| ความปลอดภัย | สูง มีเสถียรภาพทางความร้อนดี ลดความเสี่ยงการลุกไหม้ | ปานกลางถึงสูง ขึ้นอยู่กับเคมีของเซลล์แบตเตอรี่ |
| อายุการใช้งาน | กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อาจน้อยกว่าในปัจจุบัน | ยาวนานและเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว |
| ความสามารถในการชาร์จเร็ว | เร็วมาก (บางรุ่นชาร์จ 80% ได้ใน 15 นาที) | เร็ว (ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีและระบบจัดการแบตเตอรี่) |
| การใช้งานที่เหมาะสม | E-Bike, E-Scooter และรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ราคาถูก | ยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงสมรรถนะสูง |
ทิศทางตลาดและผลกระทบต่อราคา E-Bike
การขับเคลื่อนจากผู้ผลิตรายใหญ่ระดับโลก
ทิศทางของตลาดแบตเตอรี่โซเดียมไอออนกำลังเป็นไปในเชิงบวกอย่างมาก โดยมีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากผู้ผลิตแบตเตอรี่ยักษ์ใหญ่ของโลก โดยเฉพาะจากประเทศจีน เช่น CATL และ BYD ซึ่งเป็นผู้นำในตลาดแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า บริษัทเหล่านี้ได้ลงทุนมหาศาลในการวิจัย พัฒนา และตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่โซเดียมไอออนเพื่อรองรับตลาดในอนาคต
CATL ได้เปิดตัวแบตเตอรี่โซเดียมไอออนรุ่นแรกและเริ่มส่งมอบให้กับผู้ผลิตรถยนต์แล้ว โดยตั้งเป้าที่จะสร้างห่วงโซ่อุปทานที่สมบูรณ์ภายในปี 2025 ขณะที่ผู้ผลิตรายอื่นๆ เช่น HiNa Battery Technology และ JAC Group ก็ได้ร่วมมือกันเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่ใช้แบตเตอรี่โซเดียมไอออน การเคลื่อนไหวเหล่านี้เป็นสัญญาณชัดเจนว่าเทคโนโลยีกำลังก้าวออกจากห้องปฏิบัติการและเข้าสู่การผลิตเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ โดยมุ่งเป้าไปที่กลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด, E-Bike และ E-Scooter เป็นหลัก
ศักยภาพของตลาดในประเทศไทย
สำหรับประเทศไทย เทคโนโลยีแบตเตอรี่โซเดียมไอออนมีศักยภาพในการเติบโตสูงเป็นพิเศษ เนื่องจากความพร้อมด้านวัตถุดิบภายในประเทศ ประเทศไทยมีแหล่งแร่เกลือหิน (โซเดียมคลอไรด์) จำนวนมาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบตั้งต้นสำคัญในการผลิตโซเดียมบริสุทธิ์สำหรับทำแบตเตอรี่ ความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์นี้สามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตและลดการพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศได้อย่างมาก
นอกจากนี้ ความสามารถของนักวิจัยไทยก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ โดยมีรายงานว่านักวิจัยจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นประสบความสำเร็จในการพัฒนาแบตเตอรี่โซเดียมไอออนต้นแบบจากแร่เกลือในประเทศได้แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของบุคลากรและความรู้ความสามารถในการต่อยอดเทคโนโลยีนี้หากตลาดมีความต้องการ การพัฒนาและผลิตแบตเตอรี่ได้เองในประเทศไม่เพียงแต่จะทำให้ E-Bike มีราคาถูกลง แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางพลังงานและส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องอีกด้วย
คาดการณ์เทรนด์ E-Bike 2026 และอนาคตของจักรยานไฟฟ้าราคาถูก
จากแนวโน้มการพัฒนาของผู้ผลิตรายใหญ่ คาดการณ์ได้ว่าแบตเตอรี่โซเดียมไอออนรุ่นที่สองซึ่งมีประสิทธิภาพสูงขึ้นจะพร้อมจำหน่ายในเชิงพาณิชย์อย่างแพร่หลายภายในปี 2025 และจะเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญในตลาด E-Bike ภายในปี 2026 อย่างแน่นอน การเข้ามาของเทคโนโลยีนี้จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในตลาด โดยเฉพาะในกลุ่ม E-Bike ระดับเริ่มต้นและระดับกลาง
ผู้ผลิตจะสามารถนำเสนอจักรยานไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ที่มีราคาลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจะดึงดูดผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ ที่ไม่เคยพิจารณาซื้อ E-Bike มาก่อน เทรนด์ E-Bike ในปี 2026 อาจมุ่งเน้นไปที่โมเดลสำหรับการใช้งานในเมือง (Urban E-Bike) ที่มีราคาประหยัด เน้นความคล่องตัว ความปลอดภัย และการบำรุงรักษาที่ง่าย โดยใช้แบตเตอรี่โซเดียมไอออนเป็นหัวใจหลัก นวัตกรรมจักรยานไฟฟ้าจะไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเพิ่มระยะทางหรือความเร็วอีกต่อไป แต่จะหันมาให้ความสำคัญกับการทำให้เทคโนโลยีนี้เป็นสิ่งที่ “ทุกคนเป็นเจ้าของได้”
บทสรุป: โซเดียมไอออน คำตอบสำหรับ E-Bike ที่ทุกคนเข้าถึงได้
แบตเตอรี่โซเดียมไอออนได้พิสูจน์แล้วว่ามีศักยภาพสูงที่จะเป็นเทคโนโลยีเปลี่ยนเกมสำหรับตลาด E-Bike และยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กในอนาคตอันใกล้ ด้วยข้อได้เปรียบที่ชัดเจนด้านต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำ ความพร้อมของวัสดุในหลายพื้นที่ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย และคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่เหนือกว่า ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง แม้จะยังมีข้อจำกัดด้านความหนาแน่นพลังงานที่ส่งผลต่อระยะทางวิ่ง แต่ก็เป็นคุณสมบัติที่ยอมรับได้สำหรับการใช้งานในเขตเมืองและระยะทางสั้น ซึ่งเป็นตลาดส่วนใหญ่ของ E-Bike
การที่ผู้ผลิตรายใหญ่ระดับโลกเริ่มเดินสายการผลิตเชิงพาณิชย์ และการที่ประเทศไทยมีทั้งวัตถุดิบและศักยภาพในการวิจัยและพัฒนาเอง เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าอนาคตของ E-Bike ที่มีราคาถูกลงและยั่งยืนนั้นมีความเป็นไปได้สูงมาก หากการพัฒนาเทคโนโลยีเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ภาพของจักรยานไฟฟ้าที่เคยเป็นสินค้าราคาสูง อาจเปลี่ยนไปเป็นยานพาหนะมาตรฐานที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น
สำหรับผู้ที่สนใจนวัตกรรมจักรยานไฟฟ้าและกำลังมองหายานพาหนะคู่ใจที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ GIANT Shopping Mall คือศูนย์รวมที่จำหน่ายจักรยานไฟฟ้าทุกประเภท ทั้งสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า และ E-bike ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการอย่างครบวงจร สามารถ ติดต่อ สอบถามเพิ่มเติม หรือติดตามข่าวสารได้ที่ FACEBOOK PAGE และ LINE ของทางร้าน
“`
