แบตฯโซเดียมไอออน: อนาคต E-Bike ราคาประหยัดกว่าเดิม?
ท่ามกลางกระแสความนิยมของยานยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยีแบตเตอรี่ถือเป็นหัวใจสำคัญที่กำหนดทั้งประสิทธิภาพ ราคา และความปลอดภัยของยานพาหนะ ล่าสุด แบตเตอรี่โซเดียมไอออน (Sodium-ion Battery) ได้กลายเป็นนวัตกรรมที่น่าจับตามอง โดยมีศักยภาพที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงตลาดจักรยานไฟฟ้า (E-Bike) อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
- ต้นทุนต่ำกว่า: แบตเตอรี่โซเดียมไอออนมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากใช้วัตถุดิบโซเดียมที่หาได้ง่ายและมีราคาถูก
- ความปลอดภัยสูง: มีความเสถียรทางเคมีมากกว่า ลดความเสี่ยงในการเกิดไฟไหม้หรือระเบิด ทำให้เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: ไม่ต้องพึ่งพาแร่หายาก เช่น ลิเธียมหรือโคบอลต์ ซึ่งกระบวนการทำเหมืองมักส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- ข้อจำกัดด้านน้ำหนัก: มีความหนาแน่นของพลังงานต่ำกว่าลิเธียมไอออน หมายความว่าหากต้องการความจุเท่ากัน แบตเตอรี่จะมีน้ำหนักมากกว่า ซึ่งอาจส่งผลต่อระยะทางการขับขี่
บทวิเคราะห์นี้จะเจาะลึกถึงศักยภาพของเทคโนโลยี แบตฯโซเดียมไอออน: อนาคต E-Bike ราคาประหยัดกว่าเดิม? โดยสำรวจทั้งข้อดี ข้อจำกัด และแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อราคาและการเข้าถึงจักรยานไฟฟ้าของผู้บริโภคในวงกว้าง เทคโนโลยีนี้เป็นเพียงกระแสชั่วคราวหรือจะเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า การทำความเข้าใจองค์ประกอบต่างๆ ของแบตเตอรี่ชนิดนี้จะช่วยให้เห็นภาพอนาคตของตลาด E-Bike ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายสำคัญในการลดต้นทุนการผลิตเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่มีราคาสูงที่สุด การเกิดขึ้นของแบตเตอรี่โซเดียมไอออนจึงเปรียบเสมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กอย่างจักรยานไฟฟ้าและสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นตลาดที่อ่อนไหวต่อปัจจัยด้านราคาอย่างมาก การเปลี่ยนผ่านจากลิเธียมไอออนที่ครองตลาดมานานไปสู่โซเดียมไอออนอาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ E-Bike กลายเป็นยานพาหนะสำหรับทุกคนอย่างแท้จริง
ผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำทั่วโลกต่างเร่งพัฒนาและนำเสนอแบตเตอรี่โซเดียมไอออนสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของเทคโนโลยีนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่เพียงส่งผลดีต่อผู้บริโภคในแง่ของราคา แต่ยังเกี่ยวข้องกับประเด็นความมั่นคงทางพลังงานและความยั่งยืน เนื่องจากโซเดียมเป็นทรัพยากรที่มีอยู่มากมายทั่วโลก ลดการพึ่งพาแหล่งแร่ลิเธียมที่กระจุกตัวอยู่เพียงไม่กี่ประเทศ ดังนั้น การมาถึงของแบตเตอรี่โซเดียมไอออนจึงไม่ใช่แค่เรื่องของนวัตกรรมทางเทคนิค แต่เป็นก้าวสำคัญสู่ระบบนิเวศพลังงานทางเลือกที่ยั่งยืนและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ทำความเข้าใจเทคโนโลยีแบตเตอรี่โซเดียมไอออน (Sodium-Ion Battery)
เทคโนโลยีแบตเตอรี่มีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้นในโลกสมัยใหม่ และแบตเตอรี่โซเดียมไอออนก็คือนวัตกรรมล่าสุดที่ได้รับความสนใจอย่างสูงในแวดวงพลังงานและยานยนต์ไฟฟ้า
นิยามและความสำคัญในปัจจุบัน
แบตเตอรี่โซเดียมไอออน (Sodium-ion Battery หรือ SIB) คือแบตเตอรี่แบบชาร์จซ้ำได้ (Rechargeable Battery) ที่ทำงานโดยอาศัยการเคลื่อนที่ของโซเดียมไอออน (Na+) ระหว่างขั้วบวก (Cathode) และขั้วลบ (Anode) ผ่านสารละลายอิเล็กโทรไลต์ หลักการทำงานนี้มีความคล้ายคลึงกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-ion Battery หรือ LIB) ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน แต่ความแตกต่างที่สำคัญคือการใช้องค์ประกอบทางเคมีที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ความสำคัญของแบตเตอรี่โซเดียมไอออนในปัจจุบันมาจากปัจจัยหลักคือ “วัตถุดิบ” โซเดียมเป็นธาตุที่มีอยู่มากมายในเปลือกโลกและในน้ำทะเล ซึ่งแตกต่างจากลิเธียมที่เป็นแร่หายากและมีแหล่งผลิตจำกัด การเข้าถึงวัตถุดิบที่ง่ายและมีต้นทุนต่ำกว่านี้ ทำให้ SIB กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับอุตสาหกรรมที่ต้องการแหล่งพลังงานราคาประหยัดและมีความมั่นคงด้านอุปทาน เช่น ระบบกักเก็บพลังงานสำหรับพลังงานหมุนเวียน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กอย่าง E-Bike ที่ราคาเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค
เปรียบเทียบคุณสมบัติ: โซเดียมไอออน vs. ลิเธียมไอออน
เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น การเปรียบเทียบคุณสมบัติระหว่างแบตเตอรี่โซเดียมไอออนและลิเธียมไอออนในมิติต่างๆ จะช่วยให้เข้าใจถึงจุดเด่นและข้อจำกัดของเทคโนโลยีใหม่นี้ได้เป็นอย่างดี
| คุณสมบัติ | แบตเตอรี่โซเดียมไอออน (SIB) | แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (LIB) |
|---|---|---|
| วัตถุดิบหลัก | โซเดียม (มีปริมาณมาก, ราคาถูก) | ลิเธียม, โคบอลต์ (แร่หายาก, ราคาสูง) |
| ต้นทุนการผลิต | ต่ำกว่าประมาณ 30% และมีแนวโน้มลดลงอีก | สูงกว่า และมีความผันผวนตามราคาแร่ |
| ความปลอดภัย | มีความเสถียรทางเคมีสูงกว่า, ทนความร้อนได้ดี, เสี่ยงต่อการลุกไหม้ต่ำกว่า | มีความเสี่ยงในการเกิดความร้อนสูง (Thermal Runaway) และการลุกไหม้หากเสียหาย |
| ความหนาแน่นพลังงาน | ต่ำกว่า (ประมาณ 175 Wh/kg) ส่งผลให้แบตเตอรี่มีน้ำหนักมากกว่าที่ความจุเท่ากัน | สูงกว่า (มากกว่า 250 Wh/kg) ทำให้แบตเตอรี่มีขนาดเล็กและเบากว่า |
| อายุการใช้งาน (Cycle Life) | ยาวนานมาก (7,000–10,000 รอบ) | ดี (ประมาณ 2,000–3,000 รอบ) แต่ต่ำกว่า SIB |
| ประสิทธิภาพในอุณหภูมิต่ำ | ทำงานได้ดีเยี่ยมแม้ในอุณหภูมิติดลบ | ประสิทธิภาพลดลงอย่างมากในอุณหภูมิต่ำ |
| ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม | ต่ำกว่า, ไม่ใช้แร่หายากหรือสารพิษ, รีไซเคิลได้ง่ายกว่า | สูงกว่า, การทำเหมืองลิเธียมและโคบอลต์ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม |
เจาะลึกศักยภาพ: ข้อดีของแบตเตอรี่โซเดียมไอออนสำหรับจักรยานไฟฟ้า
การประยุกต์ใช้แบตเตอรี่โซเดียมไอออนในจักรยานไฟฟ้ามีข้อได้เปรียบที่น่าสนใจหลายประการ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ E-Bike กลายเป็นยานพาหนะที่เข้าถึงง่ายและได้รับความนิยมมากขึ้นในอนาคต
ต้นทุนการผลิตที่ต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ
ปัจจัยที่โดดเด่นที่สุดของแบตเตอรี่โซเดียมไอออนคือต้นทุนที่ต่ำกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนอย่างชัดเจน ข้อมูลจากภาคอุตสาหกรรมระบุว่าต้นทุนการผลิต SIB ต่ำกว่า LIB ประมาณ 30% และคาดการณ์ว่าเมื่อเข้าสู่กระบวนการผลิตในปริมาณมหาศาล (Mass Production) ราคาอาจลดลงได้ถึงเกือบครึ่งหนึ่งของราคาแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในปัจจุบัน
สาเหตุหลักมาจากวัตถุดิบ โซเดียมสามารถสกัดได้จากเกลือแกงหรือน้ำทะเล ซึ่งมีอยู่ทั่วทุกมุมโลกและมีราคาถูกมาก นอกจากนี้ ส่วนประกอบอื่นๆ เช่น อิเล็กโทรไลต์ ยังสามารถใช้อะลูมิเนียมฟอยล์แทนทองแดงฟอยล์ที่มีราคาแพงกว่าได้ การลดต้นทุนในส่วนของแบตเตอรี่ซึ่งเป็นหัวใจของ E-Bike จะส่งผลโดยตรงต่อราคาขายปลีก ทำให้จักรยานไฟฟ้าราคาถูกลงและอยู่ในวิสัยที่ผู้บริโภคทั่วไปสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น
ความปลอดภัยที่เหนือกว่า: ลดความเสี่ยงไฟไหม้และการระเบิด
ความปลอดภัยเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งที่สำคัญของแบตเตอรี่โซเดียมไอออน ด้วยโครงสร้างทางเคมีที่มีความเสถียรสูงกว่า ทำให้ SIB มีความทนทานต่อสภาวะที่ผิดปกติ เช่น การชาร์จไฟเกิน, การลัดวงจร หรือการกระแทก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเกิดความร้อนสูงจนลุกไหม้หรือระเบิดได้
แบตเตอรี่โซเดียมไอออนไม่มีส่วนผสมของสารเคมีอันตรายอย่างลิเธียมหรือโคบอลต์ ทำให้ไม่เพียงแต่ปลอดภัยต่อการใช้งาน แต่ยังปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมในกระบวนการผลิตและการกำจัดอีกด้วย
คุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่เหนือกว่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับยานพาหนะที่ใช้งานในชีวิตประจำวันอย่าง E-Bike ซึ่งมักจะถูกจอดและชาร์จไว้ภายในบ้านหรืออาคารที่พักอาศัย การลดความเสี่ยงด้านอัคคีภัยจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานได้เป็นอย่างมาก
อายุการใช้งานยาวนานและทนทานต่อสภาวะแวดล้อม
แม้จะเป็นเทคโนโลยีใหม่ แต่แบตเตอรี่โซเดียมไอออนกลับแสดงให้เห็นถึงอายุการใช้งานที่น่าประทับใจ โดยมีจำนวนรอบการชาร์จ (Cycle Life) สูงถึง 7,000–10,000 รอบ ซึ่งมากกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเกรดทั่วไปหลายเท่าตัว นั่นหมายความว่าแบตเตอรี่ SIB ใน E-Bike สามารถใช้งานได้ยาวนานหลายปีโดยที่ประสิทธิภาพไม่ลดลงมากนัก ช่วยลดต้นทุนการบำรุงรักษาและการเปลี่ยนแบตเตอรี่ในระยะยาว
นอกจากนี้ SIB ยังมีความทนทานต่อสภาพอากาศสุดขั้ว โดยสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพในอุณหภูมิตั้งแต่ -40°C ไปจนถึง 70°C ซึ่งเป็นช่วงอุณหภูมิที่กว้างกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนอย่างมาก
ประสิทธิภาพที่โดดเด่นในอุณหภูมิต่ำ
คุณสมบัติที่ต่อเนื่องจากความทนทานคือประสิทธิภาพในอุณหภูมิต่ำ ซึ่งเป็นจุดอ่อนสำคัญของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มักจะสูญเสียความจุและกำลังไฟอย่างรวดเร็วเมื่ออากาศหนาว แต่สำหรับแบตเตอรี่โซเดียมไอออน ปัญหานี้กลับลดลงอย่างมาก ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการใช้งาน E-Bike ในประเทศหรือภูมิภาคที่มีอากาศหนาวเย็น ประสิทธิภาพที่คงที่ในทุกสภาพอากาศช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถพึ่งพายานพาหนะของตนได้ตลอดทั้งปีโดยไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดเร็วกว่าปกติในฤดูหนาว
มิติใหม่ของความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ในยุคที่ความยั่งยืนเป็นเมกะเทรนด์ แบตเตอรี่โซเดียมไอออนตอบโจทย์นี้ได้อย่างลงตัว การผลิต SIB ไม่จำเป็นต้องใช้แร่หายากอย่างลิเธียม โคบอลต์ หรือนิกเกิล ซึ่งกระบวนการทำเหมืองแร่เหล่านี้มักก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างปัญหาด้านมนุษยธรรมในบางพื้นที่ การเปลี่ยนมาใช้โซเดียมซึ่งเป็นทรัพยากรที่หาได้ง่ายและมีอยู่ทั่วไปจึงช่วยลดภาระต่อโลกได้อย่างมหาศาล นอกจากนี้ การที่ไม่มีสารพิษเป็นส่วนประกอบยังทำให้กระบวนการรีไซเคิลแบตเตอรี่โซเดียมไอออนทำได้ง่ายและปลอดภัยกว่าอีกด้วย
ข้อจำกัดและความท้าทายที่ต้องพิจารณา
แม้ว่าแบตเตอรี่โซเดียมไอออนจะมีข้อดีมากมาย แต่ก็ยังมีข้อจำกัดและความท้าทายบางประการที่ต้องพิจารณาและพัฒนาต่อไป เพื่อให้สามารถเข้ามาแทนที่เทคโนโลยีเดิมได้อย่างสมบูรณ์
ความหนาแน่นพลังงาน: ประเด็นด้านน้ำหนักและระยะทาง
ข้อจำกัดที่สำคัญที่สุดของแบตเตอรี่โซเดียมไอออนในปัจจุบันคือ ความหนาแน่นของพลังงาน (Energy Density) ที่ต่ำกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ตัวอย่างเช่น แบตเตอรี่โซเดียมไอออนรุ่น Naxtra ของบริษัท CATL มีความหนาแน่นพลังงานอยู่ที่ประมาณ 175 Wh/kg ในขณะที่แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าทั่วไปอาจมีความหนาแน่นพลังงานสูงกว่า 250 Wh/kg
ความหนาแน่นพลังงานที่ต่ำกว่าหมายความว่า หากต้องการให้แบตเตอรี่มีความจุไฟฟ้าเท่ากัน แบตเตอรี่โซเดียมไอออนจะมีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมากกว่า ซึ่งสำหรับ E-Bike แล้ว น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อความคล่องตัวในการขับขี่และทำให้ระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งสั้นลง อย่างไรก็ตาม สำหรับการใช้งานในเมืองหรือการเดินทางระยะสั้นซึ่งเป็นลักษณะการใช้งานหลักของ E-Bike ข้อจำกัดนี้อาจไม่เป็นปัญหาร้ายแรง และสามารถชดเชยได้ด้วยราคาที่ถูกลงอย่างมาก
การยอมรับในตลาดและการผลิตเชิงพาณิชย์
เทคโนโลยีแบตเตอรี่โซเดียมไอออนยังถือว่าอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการผลิตเชิงพาณิชย์และยังไม่แพร่หลายเท่ากับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ครองตลาดมานานหลายทศวรรษ ผู้ผลิต E-Bike และผู้บริโภคอาจยังต้องการเวลาในการทำความรู้จักและสร้างความเชื่อมั่นต่อเทคโนโลยีใหม่นี้ นอกจากนี้ โครงสร้างพื้นฐานและห่วงโซ่อุปทานสำหรับการผลิต SIB ในระดับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ยังคงต้องใช้เวลาในการพัฒนาและขยายตัวเพื่อให้สามารถแข่งขันกับ LIB ได้อย่างเต็มรูปแบบ
ทิศทางและอนาคตของแบตเตอรี่โซเดียมไอออนในตลาด E-Bike
แม้จะมีความท้าทายอยู่บ้าง แต่แนวโน้มและทิศทางในอนาคตของแบตเตอรี่โซเดียมไอออนในตลาด E-Bike นั้นสดใสอย่างยิ่ง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขับเคลื่อนของผู้ผลิตรายใหญ่และการคาดการณ์การเติบโตของตลาด
การขับเคลื่อนจากผู้ผลิตชั้นนำระดับโลก
บริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่ยักษ์ใหญ่ของโลก เช่น CATL จากประเทศจีน และ Faradion จากสหราชอาณาจักร กำลังทุ่มเททรัพยากรในการวิจัย พัฒนา และเริ่มผลิตแบตเตอรี่โซเดียมไอออนสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กอย่าง E-Bike และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง การเข้ามาของผู้เล่นรายใหญ่เหล่านี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเร่งการพัฒนาเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้ผู้ผลิต E-Bike หันมาพิจารณาใช้ SIB เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ของตนเองมากขึ้น
กรอบเวลาสู่การเป็นกระแสหลัก
มีการคาดการณ์ว่าภายในปี ค.ศ. 2026 หรืออีกประมาณ 2-3 ปีข้างหน้า เทคโนโลยีแบตเตอรี่โซเดียมไอออนจะสามารถเข้าสู่ตลาดในวงกว้างและกลายเป็นตัวเลือกหลักสำหรับ E-Bike ในกลุ่มที่เน้นความคุ้มค่าและราคาประหยัด เมื่อถึงเวลานั้น ผู้บริโภคจะได้เห็นจักรยานไฟฟ้าที่มีราคาถูกลงอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ยังคงมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือ ซึ่งจะช่วยขยายฐานผู้ใช้งาน E-Bike ให้กว้างขวางขึ้นไปอีก
บทสรุป: แบตเตอรี่โซเดียมไอออนจะเปลี่ยนโฉม E-Bike ได้จริงหรือ?
แบตเตอรี่โซเดียมไอออน มีศักยภาพสูงที่จะเป็นเทคโนโลยีเปลี่ยนเกมสำหรับตลาดจักรยานไฟฟ้าอย่างแท้จริง ด้วยจุดเด่นที่ไม่อาจมองข้ามได้ทั้งในด้านต้นทุนที่ต่ำกว่า ความปลอดภัยที่สูงขึ้น อายุการใช้งานที่ยาวนาน และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แม้จะมีข้อจำกัดเรื่องความหนาแน่นพลังงานที่ต่ำกว่าซึ่งส่งผลต่อน้ำหนักและระยะทาง แต่สำหรับ E-Bike ที่เน้นการใช้งานในเมืองและการเดินทางระยะสั้น ข้อดีด้านราคาและความปลอดภัยดูจะมีน้ำหนักมากกว่า
การพัฒนาอย่างต่อเนื่องจากผู้ผลิตชั้นนำและการคาดการณ์ว่าจะเข้าสู่ตลาดในวงกว้างภายในไม่กี่ปีข้างหน้า เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าอนาคตของ E-Bike ราคาประหยัดและปลอดภัยนั้นอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม เทคโนโลยีแบตเตอรี่โซเดียมไอออนอาจเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ทำให้จักรยานไฟฟ้ากลายเป็นยานพาหนะมาตรฐานสำหรับผู้คนทั่วโลกได้อย่างสมบูรณ์
สำหรับผู้ที่สนใจในนวัตกรรมจักรยานไฟฟ้าและกำลังมองหายานพาหนะที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ GIANT Shopping Mall คือศูนย์รวมจักรยานไฟฟ้าทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า หรือ E-bike ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองทุกความต้องการ สามารถเยี่ยมชมสินค้าและรับคำปรึกษาได้ที่ FACEBOOK PAGE หรือ LINE และสามารถ ติดต่อ สอบถามเพิ่มเติม ได้ที่เว็บไซต์ของเรา
