เจาะมาตรการ EV 4.0: จักรยานไฟฟ้าจะได้ส่วนลดด้วยไหม?
ท่ามกลางกระแสความตื่นตัวด้านยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทย นโยบายสนับสนุนจากภาครัฐถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด หนึ่งในคำถามที่ผู้บริโภคจำนวนมากให้ความสนใจคือ เจาะมาตรการ EV 4.0: จักรยานไฟฟ้าจะได้ส่วนลดด้วยไหม? ซึ่งสะท้อนถึงความหวังในการขยายขอบเขตการสนับสนุนให้ครอบคลุมยานพาหนะไฟฟ้าขนาดเล็กที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บทความนี้จะวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต โดยอ้างอิงจากข้อมูลล่าสุดที่มีอยู่ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางนโยบาย EV ของไทย
- ณ ปัจจุบัน (พฤศจิกายน 2568) ยังไม่มีมาตรการสนับสนุนหรือให้ส่วนลดสำหรับจักรยานไฟฟ้า (E-Bike) อย่างเป็นทางการจากภาครัฐ
- คำว่า “EV 4.0” เป็นเพียงแนวคิดและข้อเสนอจากภาคเอกชน ยังไม่ใช่นโยบายที่ได้รับการอนุมัติหรือประกาศใช้อย่างเป็นทางการ
- มาตรการ EV 3.0 และ EV 3.5 ที่บังคับใช้อยู่ มุ่งเน้นการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเป็นหลัก
- มีข้อเสนอจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและผู้ประกอบการ ให้ภาครัฐพิจารณาขยายการสนับสนุนไปยังยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก รวมถึงจักรยานไฟฟ้าในอนาคต
- ผู้ที่สนใจควรติดตามประกาศอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพื่อรับข้อมูลที่ถูกต้อง
ประเด็นเรื่อง เจาะมาตรการ EV 4.0: จักรยานไฟฟ้าจะได้ส่วนลดด้วยไหม? กลายเป็นหัวข้อสนทนาที่สำคัญในกลุ่มผู้ที่กำลังพิจารณาเปลี่ยนมาใช้ยานพาหนะพลังงานสะอาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ใช้งานในเมืองที่มองหาทางเลือกการเดินทางที่คล่องตัวและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความสนใจนี้เกิดขึ้นจากความสำเร็จของมาตรการ EV 3.0 และ 3.5 ที่มอบเงินอุดหนุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้กับผู้ซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า จนทำให้เกิดการตั้งคำถามว่ายานพาหนะไฟฟ้าสองล้อประเภทอื่นอย่างจักรยานไฟฟ้าจะมีโอกาสได้รับสิทธิประโยชน์ในลักษณะเดียวกันในมาตรการระยะถัดไปหรือไม่ ซึ่งการทำความเข้าใจสถานะปัจจุบันและแนวโน้มของนโยบายจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
ไขข้อสงสัย: EV 4.0 คืออะไร?
ก่อนที่จะวิเคราะห์ถึงโอกาสของจักรยานไฟฟ้า สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจนิยามและที่มาของคำว่า “EV 4.0” ให้ถูกต้อง เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนและสามารถประเมินสถานการณ์ได้อย่างแม่นยำ
ที่มาของคำว่า “EV 4.0”
สิ่งสำคัญที่ต้องเน้นย้ำคือ ณ เดือนพฤศจิกายน 2568 คำว่า “EV 4.0” ยังไม่ใช่นโยบายหรือชื่อมาตรการอย่างเป็นทางการที่ประกาศโดยรัฐบาลไทย แต่เป็นคำที่ภาคเอกชน โดยเฉพาะผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่อย่าง BYD และองค์กรอย่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นำมาใช้เพื่ออธิบายถึง “ข้อเสนอ” และ “แนวคิด” สำหรับมาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าระยะต่อไป ที่ควรจะพัฒนาต่อยอดจากมาตรการ EV 3.0 และ EV 3.5 ที่กำลังจะสิ้นสุดลง
แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากการมองเห็นโอกาสในการขยายตลาด EV ให้กว้างขวางและครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยมองว่าการสนับสนุนไม่ควรจำกัดอยู่แค่รถยนต์นั่งส่วนบุคคล แต่ควรขยายไปยังยานยนต์ประเภทอื่น ๆ ที่มีบทบาทสำคัญต่อการเดินทางในชีวิตประจำวันและช่วยลดปัญหามลพิษในเมืองได้อย่างมีนัยสำคัญ
วัตถุประสงค์หลักที่คาดหวัง
เป้าหมายของข้อเสนอที่เรียกว่า EV 4.0 นั้นมีหลายมิติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาแรงส่งของตลาด EV ในประเทศและผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญในภูมิภาคต่อไป ประเด็นหลักที่ภาคเอกชนเสนอให้ภาครัฐพิจารณา ได้แก่:
- การขยายขอบเขตการสนับสนุน: ข้อเสนอสำคัญที่สุดคือการขยายการให้เงินอุดหนุนหรือสิทธิประโยชน์ทางภาษีไปยังยานยนต์ไฟฟ้าประเภทอื่น ๆ นอกเหนือจากรถยนต์ เช่น รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และอาจรวมถึงยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กอย่างจักรยานไฟฟ้า (E-Bike) เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงยานยนต์ไฟฟ้าในวงกว้าง
- ความต่อเนื่องของนโยบาย: สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและผู้บริโภคว่าภาครัฐจะยังคงมีนโยบายสนับสนุนตลาด EV อย่างต่อเนื่องหลังจากมาตรการปัจจุบันสิ้นสุดลง
- การส่งเสริมการผลิตในประเทศ: เพิ่มเงื่อนไขหรือแรงจูงใจให้ผู้ผลิตเพิ่มสัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ (Local Content) มากขึ้น เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย
ณ ขณะนี้ “EV 4.0” เป็นเพียงแนวคิดที่รอการพิจารณาจากภาครัฐ ยังไม่มีการกำหนดรายละเอียดหรือกรอบเวลาที่ชัดเจน ดังนั้น การอ้างอิงถึงมาตรการนี้จึงควรทำความเข้าใจว่าเป็นเพียงภาพอนาคตที่อาจเกิดขึ้น แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ
เจาะลึกมาตรการ EV ปัจจุบัน: ทำไมจักรยานไฟฟ้ายังไม่ได้รับสิทธิ์?
เพื่อทำความเข้าใจว่าเหตุใดจักรยานไฟฟ้าจึงยังไม่ได้รับส่วนลดหรือเงินอุดหนุน จำเป็นต้องย้อนกลับไปดูเป้าหมายและรายละเอียดของมาตรการ EV ที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งก็คือมาตรการ EV 3.0 และ EV 3.5
สรุปสาระสำคัญของ EV 3.0 และ EV 3.5
คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (EV Board) ได้ออกมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อกระตุ้นการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์สันดาปภายในไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า และผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต EV ในภูมิภาคอาเซียน มาตรการเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่การสร้างอุปสงค์ในตลาดผ่านการให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ซื้อโดยตรง
- มาตรการ EV 3.0 (ปี 2565-2566): เป็นมาตรการระยะแรกที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการสร้างความตื่นตัวและกระตุ้นยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) โดยมอบเงินอุดหนุนแก่ผู้ซื้อสูงสุดถึง 150,000 บาทต่อคัน ควบคู่ไปกับการลดภาษีสรรพสามิตและอากรขาเข้า
- มาตรการ EV 3.5 (ปี 2567-2570): เป็นมาตรการต่อเนื่องที่ปรับลดวงเงินอุดหนุนลงเล็กน้อย (สูงสุด 100,000 บาท) แต่ขยายระยะเวลาการสนับสนุนออกไป พร้อมทั้งเพิ่มเงื่อนไขที่เข้มข้นขึ้นเกี่ยวกับการผลิตชดเชยในประเทศ เพื่อส่งเสริมการลงทุนตั้งฐานการผลิตในไทยอย่างจริงจัง
ยานยนต์ไฟฟ้าที่อยู่ในข่ายการสนับสนุน
จุดสำคัญที่ต้องพิจารณาคือประเภทของยานยนต์ที่เข้าข่ายได้รับสิทธิประโยชน์ตามประกาศของ BOI และ EV Board ซึ่งระบุไว้ชัดเจน โดยมุ่งเน้นไปที่ยานยนต์ที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกเป็นหลัก ได้แก่:
- รถยนต์ไฟฟ้า (Battery Electric Vehicle – BEV): ครอบคลุมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถกระบะไฟฟ้า โดยมีเงื่อนไขด้านราคาและขนาดแบตเตอรี่ที่แตกต่างกันไป
- รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Motorcycle): ได้รับเงินอุดหนุนในอัตราที่น้อยกว่ารถยนต์ แต่ก็เป็นส่วนสำคัญของมาตรการเพื่อส่งเสริมการเดินทางในเมือง
จากขอบเขตดังกล่าว จะเห็นได้ว่า จักรยานไฟฟ้า (Electric Bike หรือ E-Bike) ไม่ได้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มยานยนต์ที่ได้รับสิทธิประโยชน์หรือเงินอุดหนุนภายใต้มาตรการ EV 3.0 และ 3.5 เนื่องจากจักรยานไฟฟ้าส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าข่ายเป็นรถที่ต้องจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ทำให้ยังคงอยู่นอกกรอบการพิจารณาของนโยบายที่เน้นสร้างผลกระทบในตลาดรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นลำดับแรก
อนาคตของจักรยานไฟฟ้ากับนโยบายภาครัฐ
แม้ว่าปัจจุบันจักรยานไฟฟ้าจะยังไม่ได้รับสิทธิ์สนับสนุน แต่ก็มีสัญญาณบวกและแรงผลักดันจากหลายภาคส่วนที่อาจทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้กรอบนโยบาย EV ระยะถัดไป
เสียงสะท้อนจากภาคเอกชน
ดังที่กล่าวไปข้างต้น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าได้แสดงความเห็นและยื่นข้อเสนอต่อภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พิจารณาขยายมาตรการส่งเสริมไปยังยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก เหตุผลสำคัญที่สนับสนุนแนวคิดนี้คือ จักรยานไฟฟ้ามีศักยภาพสูงในการเป็นคำตอบสำหรับการเดินทางระยะสั้น (Last-mile connectivity) ในเขตเมือง ช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดและมลพิษทางอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การสนับสนุนจักรยานไฟฟ้ายังเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงยานพาหนะไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมีราคาที่ไม่สูงเท่ารถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า
ปัจจัยขับเคลื่อนสู่การสนับสนุน E-Bike
นอกเหนือจากข้อเสนอของเอกชนแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจเป็นแรงผลักดันให้ภาครัฐหันมาพิจารณาสนับสนุนจักรยานไฟฟ้าอย่างจริงจังมากขึ้น:
- เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม: การส่งเสริมการใช้จักรยานไฟฟ้าสอดคล้องกับเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหามลพิษ PM2.5 ของประเทศ
- การส่งเสริมสุขภาพ: จักรยานไฟฟ้าช่วยให้การปั่นจักรยานเป็นเรื่องง่ายขึ้นสำหรับคนทุกวัย ส่งเสริมการออกกำลังกายและวิถีชีวิตที่กระฉับกระเฉง
- การลดภาระค่าครองชีพ: การใช้จักรยานไฟฟ้าแทนรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ในการเดินทางระยะใกล้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและค่าบำรุงรักษาได้อย่างมาก
- เทรนด์ของโลก: หลายประเทศในยุโรปและเอเชียได้ออกมาตรการอุดหนุนการซื้อจักรยานไฟฟ้าและประสบความสำเร็จในการเพิ่มจำนวนผู้ใช้งาน ซึ่งอาจเป็นต้นแบบให้ประเทศไทยนำมาปรับใช้
ความท้าทายในการออกมาตรการ
อย่างไรก็ตาม การจะออกมาตรการสนับสนุนจักรยานไฟฟ้าก็มีความท้าทายเช่นกัน ภาครัฐจำเป็นต้องพิจารณาประเด็นต่าง ๆ อย่างรอบคอบ เช่น การกำหนดนิยามและมาตรฐานของจักรยานไฟฟ้าที่จะได้รับสิทธิ์, การจัดสรรงบประมาณ, และการออกแบบกลไกการให้เงินอุดหนุนที่มีประสิทธิภาพและป้องกันการสวมรอย ซึ่งประเด็นเหล่านี้ต้องใช้เวลาในการศึกษาและหารือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
เปรียบเทียบสิทธิประโยชน์ยานยนต์ไฟฟ้าแต่ละประเภท
เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ตารางด้านล่างนี้เปรียบเทียบสถานะการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ ภายใต้นโยบายปัจจุบัน และแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตหากข้อเสนอ “EV 4.0” ได้รับการพิจารณา
| ประเภทยานยนต์ไฟฟ้า | สถานะการสนับสนุน (ภายใต้ EV 3.5) | แนวโน้ม/โอกาสในอนาคต (ข้อเสนอ EV 4.0) |
|---|---|---|
| รถยนต์ไฟฟ้า (BEV) | ได้รับเงินอุดหนุนสูงสุด 100,000 บาท, ลดหย่อนภาษีสรรพสามิตและอากรขาเข้า | อาจมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขหรือวงเงิน แต่คาดว่าจะยังคงได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง |
| รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า | ได้รับเงินอุดหนุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามเงื่อนไขที่กำหนด | คาดว่าจะได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง และอาจมีการปรับเงื่อนไขเพื่อส่งเสริมการผลิตในประเทศมากขึ้น |
| จักรยานไฟฟ้า (E-Bike) | ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น | มีความเป็นไปได้ที่จะถูกพิจารณาบรรจุในมาตรการใหม่ แต่ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากภาครัฐ |
คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจซื้อจักรยานไฟฟ้า
สำหรับผู้บริโภคที่กำลังติดตามข่าวสารและมีความหวังว่าจักรยานไฟฟ้าจะได้รับส่วนลดในอนาคต มีข้อควรปฏิบัติเพื่อประกอบการตัดสินใจและรับข้อมูลที่ถูกต้อง
การติดตามข้อมูลที่ถูกต้อง
เนื่องจากข้อมูลเกี่ยวกับ “EV 4.0” ยังเป็นเพียงข้อเสนอ ข่าวสารบางแหล่งอาจนำเสนอข้อมูลที่คลาดเคลื่อนหรือสร้างความเข้าใจผิดได้ ดังนั้น ควรให้ความสำคัญกับการติดตามประกาศอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานภาครัฐโดยตรง ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุด ได้แก่:
- คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI): เป็นหน่วยงานหลักที่ออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ
- กระทรวงอุตสาหกรรม และ กระทรวงการคลัง: หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดนโยบายและมาตรการทางภาษี
- กรมการขนส่งทางบก: สำหรับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกฎระเบียบการจดทะเบียนยานพาหนะ
การติดตามข่าวสารจากแหล่งเหล่านี้จะช่วยให้ได้รับข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงและทันต่อสถานการณ์ เพื่อใช้ในการวางแผนการซื้อได้อย่างเหมาะสม
ความคุ้มค่าของจักรยานไฟฟ้าในปัจจุบัน
แม้จะยังไม่มีเงินอุดหนุนจากภาครัฐ แต่การตัดสินใจซื้อจักรยานไฟฟ้าในปัจจุบันก็ยังมีความคุ้มค่าในหลายมิติ ผู้ที่สนใจสามารถพิจารณาจากประโยชน์ด้านอื่น ๆ ที่จะได้รับทันที เช่น
- ประหยัดค่าเดินทาง: ค่าใช้จ่ายในการชาร์จไฟฟ้าต่ำกว่าค่าเติมน้ำมันอย่างมีนัยสำคัญ
- ลดค่าบำรุงรักษา: จักรยานไฟฟ้ามีชิ้นส่วนเคลื่อนไหวน้อยกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์ ทำให้ค่าบำรุงรักษาต่ำกว่า
- ความคล่องตัวสูง: เหมาะกับการเดินทางในเมืองที่การจราจรหนาแน่น หาที่จอดรถได้ง่าย
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: ไม่มีท่อไอเสีย ไม่ปล่อยมลพิษทางอากาศโดยตรง
บทสรุปและแนวโน้มในอนาคต
โดยสรุป ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 ยังไม่มีมาตรการจากภาครัฐที่ให้ส่วนลดหรือเงินอุดหนุนสำหรับการซื้อจักรยานไฟฟ้าในประเทศไทย คำว่า “EV 4.0” ที่ถูกกล่าวถึงนั้นเป็นเพียงแนวคิดและข้อเสนอจากภาคเอกชนที่ต้องการผลักดันให้รัฐบาลขยายขอบเขตการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าให้ครอบคลุมยานพาหนะขนาดเล็กมากขึ้น ซึ่งยังคงต้องรอการพิจารณาและประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มในอนาคตยังคงมีความเป็นไปได้ที่จักรยานไฟฟ้าจะได้รับการสนับสนุน เนื่องจากสอดคล้องกับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมและการส่งเสริมการเดินทางในเมืองอย่างยั่งยืนของประเทศ ผู้ที่สนใจจึงควรติดตามข่าวสารจากหน่วยงานภาครัฐอย่างใกล้ชิด แต่ในระหว่างนี้ การเลือกใช้จักรยานไฟฟ้าก็ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและคุ้มค่าด้วยประโยชน์นานัปการ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาจักรยานไฟฟ้าคุณภาพที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การเดินทางในเมืองและนอกเมือง GIANT Shopping Mall คือศูนย์รวมจักรยานไฟฟ้า สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า และ E-bike หลากหลายประเภท ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองทุกความต้องการ พร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำแนะนำ
เยี่ยมชมสินค้าและรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ติดต่อ สอบถามเพิ่มเติม ผ่านช่องทาง FACEBOOK PAGE และ LINE เพื่อเลือกยานพาหนะไฟฟ้าที่ใช่สำหรับคุณ
