MaaS คืออะไร? อนาคต E-Bike ในระบบขนส่งสาธารณะไทย
ภูมิทัศน์ของการเดินทางในเขตเมืองกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แนวคิดและเทคโนโลยีใหม่ๆ ถูกนำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรที่ซับซ้อนและส่งเสริมความยั่งยืน หนึ่งในนั้นคือ Mobility as a Service หรือ MaaS ซึ่งเป็นแนวทางที่มุ่งปฏิวัติวิธีการเดินทางของผู้คนโดยการรวมบริการขนส่งทุกรูปแบบไว้ในแพลตฟอร์มเดียว และในระบบนิเวศนี้ จักรยานไฟฟ้า (E-Bike) ได้กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่เข้ามาตอบโจทย์การเดินทางระยะสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ภาพรวมของการเดินทางแห่งอนาคต
- MaaS คือการบูรณาการบริการขนส่งหลากหลายรูปแบบเข้าไว้ด้วยกันบนแพลตฟอร์มดิจิทัลเดียว เพื่อให้ผู้ใช้สามารถวางแผน จอง และชำระเงินสำหรับการเดินทางทั้งหมดได้อย่างสะดวกสบายและไร้รอยต่อ
- จักรยานไฟฟ้า (E-Bike) มีบทบาทสำคัญในฐานะ “Last-mile solution” หรือยานพาหนะสำหรับการเดินทางระยะสุดท้าย ที่ช่วยเชื่อมต่อผู้คนจากระบบขนส่งสาธารณะหลัก เช่น สถานีรถไฟฟ้า ไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างรวดเร็วและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- การผสาน MaaS และ E-Bike เข้าด้วยกันเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างเมืองอัจฉริยะ (Smart City) โดยช่วยลดการพึ่งพารถยนต์ส่วนบุคคล ลดปัญหาการจราจรติดขัด และลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ
- แนวโน้มเศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing Economy) และนโยบายสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ เป็นปัจจัยเร่งที่ทำให้บริการเช่า-ยืม E-Bike ผ่านแอปพลิเคชันเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในประเทศไทย
บทความนี้จะเจาะลึกถึงแนวคิดที่ว่า MaaS คืออะไร? อนาคต E-Bike ในระบบขนส่งสาธารณะไทย จะเป็นไปในทิศทางใด โดยจะสำรวจคำจำกัดความ หลักการทำงาน ประโยชน์ของ MaaS พร้อมทั้งวิเคราะห์บทบาทและศักยภาพของจักรยานไฟฟ้าในฐานะองค์ประกอบที่จะมาเติมเต็มระบบการเดินทางในเมืองใหญ่ของไทยให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แนวคิดนี้ไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทางของผู้คน แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเมืองไปสู่ความยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การทำความเข้าใจในเรื่องนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ใช่แค่สำหรับผู้กำหนดนโยบายหรือนักพัฒนาเมืองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประชาชนทั่วไปที่อาศัยอยู่ในเมือง ซึ่งจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงนี้ การเกิดขึ้นของ MaaS และการเติบโตของบริการ E-Bike เกิดขึ้นจากความต้องการแก้ไขปัญหาที่สะสมมานานในเมืองใหญ่ทั่วโลก รวมถึงกรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการจราจรที่ติดขัดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ปัญหามลพิษทางอากาศจากฝุ่น PM2.5 และความไม่สะดวกในการเชื่อมต่อระหว่างระบบขนส่งมวลชนรูปแบบต่างๆ ซึ่งทำให้การเดินทางในแต่ละวันกลายเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองทั้งเวลาและพลังงาน
เจาะลึก MaaS (Mobility as a Service)
Mobility as a Service หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า MaaS คือแนวคิดที่เปลี่ยนมุมมองต่อการเดินทาง จากเดิมที่เน้น “การเป็นเจ้าของ” ยานพาหนะส่วนตัว มาสู่ “การเข้าถึงบริการ” การเดินทางที่หลากหลายผ่านช่องทางดิจิทัลเพียงช่องทางเดียว เปรียบเสมือนการมีผู้ช่วยส่วนตัวที่สามารถวางแผนและจัดการการเดินทางทั้งหมดให้เสร็จสรรพในแอปพลิเคชันเดียว
นิยามและความหมายของ MaaS
MaaS คือบริการที่รวบรวมระบบขนส่งทุกรูปแบบ ทั้งที่เป็นของภาครัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า รถโดยสารประจำทาง แท็กซี่ บริการเรียกรถ (Ride-hailing) บริการเช่ารถยนต์ จักรยานยนต์ ไปจนถึงบริการยานพาหนะขนาดเล็กอย่างสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าและจักรยานไฟฟ้า (E-Bike) มาไว้บนแพลตฟอร์มดิจิทัลเดียวกัน เป้าหมายหลักคือการสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ราบรื่นและไร้รอยต่อ (Seamless Experience) ให้กับผู้ใช้งาน
ผู้ใช้สามารถใช้แอปพลิเคชัน MaaS เพียงแอปเดียวในการวางแผนเส้นทางที่เหมาะสมที่สุด โดยระบบจะคำนวณและเปรียบเทียบทางเลือกต่างๆ ให้โดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางที่เร็วที่สุด ประหยัดที่สุด หรือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุด จากนั้นผู้ใช้สามารถทำการจองและชำระค่าบริการสำหรับการเดินทางทั้งหมดได้ในคราวเดียว โดยไม่จำเป็นต้องสลับไปมาระหว่างแอปพลิเคชันของผู้ให้บริการแต่ละราย หรือต้องซื้อตั๋วแยกสำหรับแต่ละรูปแบบการเดินทางอีกต่อไป
หลักการทำงานและองค์ประกอบสำคัญ
หัวใจสำคัญของ MaaS คือการบูรณาการข้อมูลและบริการจากผู้ให้บริการขนส่งที่แตกต่างกันเข้าด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วยองค์ประกอบหลักดังนี้:
- การบูรณาการบริการขนส่ง (Service Integration): แพลตฟอร์ม MaaS จะเชื่อมต่อกับ API (Application Programming Interface) ของผู้ให้บริการขนส่งต่างๆ เพื่อดึงข้อมูลตารางเวลา ตำแหน่งแบบเรียลไทม์ และข้อมูลค่าบริการมาแสดงผล ทำให้ผู้ใช้เห็นภาพรวมของทางเลือกในการเดินทางทั้งหมด
- แพลตฟอร์มดิจิทัล (Digital Platform): โดยส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ซึ่งทำหน้าที่เป็นช่องทางหลักให้ผู้ใช้เข้าถึงบริการ ตั้งแต่การค้นหาเส้นทาง การเปรียบเทียบตัวเลือก การจอง การชำระเงิน และการรับตั๋วเดินทางในรูปแบบดิจิทัล
- บัญชีผู้ใช้เดียวและการชำระเงินแบบรวมศูนย์ (Single Account & Centralized Payment): ผู้ใช้สร้างบัญชีเพียงครั้งเดียวและผูกวิธีการชำระเงินไว้กับแพลตฟอร์ม ทำให้สามารถชำระค่าบริการของทุกการเดินทางได้ในธุรกรรมเดียว ซึ่งเพิ่มความสะดวกและลดความยุ่งยากได้อย่างมาก
รูปแบบธุรกิจของ MaaS
ผู้ให้บริการ MaaS สามารถสร้างรายได้ผ่านโมเดลธุรกิจที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานที่แตกต่างกัน โดยโมเดลที่ได้รับความนิยมโดยทั่วไปมีสองรูปแบบหลัก คือแบบสมัครสมาชิกและแบบจ่ายตามการใช้งานจริง
| คุณสมบัติ | แบบสมัครสมาชิก (Subscription) | แบบจ่ายตามการใช้งานจริง (Pay-as-you-go) |
|---|---|---|
| รูปแบบการชำระเงิน | ชำระค่าบริการเป็นรายเดือนหรือรายปีในราคาคงที่ | ชำระค่าบริการตามระยะทางหรือประเภทบริการที่ใช้ในแต่ละครั้ง |
| กลุ่มผู้ใช้เป้าหมาย | ผู้ที่เดินทางเป็นประจำและต้องการควบคุมค่าใช้จ่าย | ผู้ที่เดินทางไม่บ่อย นักท่องเที่ยว หรือผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่น |
| ข้อดีสำหรับผู้ใช้ | คุ้มค่ากว่าสำหรับการเดินทางบ่อยครั้ง สามารถวางแผนงบประมาณได้ง่าย | จ่ายเฉพาะส่วนที่ใช้งาน ไม่ต้องผูกมัดในระยะยาว |
| ตัวอย่างบริการ | แพ็กเกจเดินทางไม่จำกัดด้วยรถสาธารณะ หรือแพ็กเกจที่รวมการใช้บริการ E-Bike จำนวนนาทีต่อเดือน | การซื้อตั๋วเดินทางเป็นรายเที่ยวผ่านแอปพลิเคชัน |
ประโยชน์ของ MaaS ต่อเมืองและผู้ใช้งาน
การนำระบบ MaaS มาปรับใช้ก่อให้เกิดประโยชน์ในหลายมิติ ทั้งในระดับบุคคลและระดับเมืองโดยรวม:
- ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล: เมื่อการใช้บริการขนส่งสาธารณะและบริการทางเลือกอื่นๆ มีความสะดวกสบายและเข้าถึงง่ายขึ้น แรงจูงใจในการใช้รถยนต์ส่วนตัวจะลดลง ซึ่งนำไปสู่การลดปัญหาการจราจรติดขัด
- ส่งเสริมการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: MaaS สนับสนุนให้ผู้คนหันมาใช้ระบบขนส่งมวลชน การเดินทางร่วมกัน (Carpooling) และยานพาหนะพลังงานสะอาดอย่าง E-Bike มากขึ้น ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และมลพิษทางอากาศ
- เพิ่มประสิทธิภาพในการวางผังเมือง: ข้อมูลการเดินทางที่รวบรวมจากแพลตฟอร์ม MaaS เป็นข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ที่มีค่าสำหรับหน่วยงานภาครัฐในการนำไปวิเคราะห์เพื่อวางแผนและพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะให้ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้อย่างตรงจุด
- เพิ่มความสะดวกสบายและประหยัดค่าใช้จ่ายให้ผู้ใช้งาน: ผู้ใช้สามารถวางแผนการเดินทางที่คุ้มค่าและรวดเร็วที่สุดได้ง่ายขึ้น และอาจลดค่าใช้จ่ายโดยรวมที่เกี่ยวข้องกับการเป็นเจ้าของรถยนต์ เช่น ค่าบำรุงรักษา ค่าน้ำมัน และค่าที่จอดรถ
จักรยานไฟฟ้า (E-Bike): จิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของ MaaS ในไทย
ในขณะที่ MaaS ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างหลักในการเชื่อมต่อระบบขนส่งทั้งหมด จักรยานไฟฟ้า หรือ E-Bike ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในฐานะตัวเชื่อมต่อที่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแก้ปัญหา “การเดินทางเที่ยวแรกและเที่ยวสุดท้าย” (First/Last Mile Problem)
บทบาทของ E-Bike ในฐานะ Last-mile solution
Last-mile solution หรือ การเชื่อมต่อการเดินทางระยะสุดท้าย หมายถึงการเดินทางในระยะทางสั้นๆ จากศูนย์กลางระบบขนส่งมวลชน เช่น สถานีรถไฟฟ้า หรือป้ายรถโดยสาร ไปยังจุดหมายปลายทางสุดท้ายของผู้เดินทาง ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่ทำงาน หรือสถานที่อื่นๆ ซึ่งมักเป็นระยะทางที่ไกลเกินกว่าจะเดิน แต่ก็ใกล้เกินกว่าจะเรียกรถแท็กซี่หรือใช้รถยนต์ส่วนตัวอย่างคุ้มค่า
จักรยานไฟฟ้าเข้ามาตอบโจทย์นี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยคุณสมบัติเด่นหลายประการ:
- ความคล่องตัวสูง: E-Bike มีขนาดเล็ก สามารถลัดเลาะไปตามเส้นทางต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว แม้ในสภาพการจราจรที่หนาแน่น
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ทำให้ไม่ปล่อยมลพิษทางอากาศและมีเสียงเงียบ
- เข้าถึงง่าย: บริการเช่า-ยืม (Bike Sharing) ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึง E-Bike ได้ง่ายตามจุดบริการต่างๆ ที่เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้า
- ลดภาระผู้ใช้งาน: ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยผ่อนแรง ทำให้ผู้ใช้เดินทางได้ไกลขึ้นและเหนื่อยน้อยลงเมื่อเทียบกับจักรยานธรรมดา เหมาะกับสภาพอากาศร้อนของประเทศไทย
“การผสาน E-Bike เข้ากับแพลตฟอร์ม MaaS จะช่วยเปลี่ยนผ่านการเดินทางในเมืองให้กลายเป็นประสบการณ์ที่ไร้รอยต่ออย่างแท้จริง จากเดิมที่ผู้คนอาจลังเลที่จะใช้รถไฟฟ้าเพราะบ้านอยู่ไกลจากสถานี ก็สามารถใช้ E-Bike เป็นสะพานเชื่อมการเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย”
ศักยภาพและแนวโน้มการเติบโตในตลาดไทย
ตลาด E-Bike และบริการที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตสูง ด้วยแรงหนุนจากหลายปัจจัย:
- การขยายตัวของโครงข่ายรถไฟฟ้า: การเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ ที่ครอบคลุมพื้นที่ชานเมืองมากขึ้น ทำให้เกิดความต้องการยานพาหนะสำหรับเชื่อมต่อการเดินทางระยะสั้นเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
- กระแสเศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing Economy): พฤติกรรมของผู้บริโภครุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y และ Gen Z เปลี่ยนไปสู่การ “เช่าใช้” มากกว่า “การเป็นเจ้าของ” บริการ Mobility Sharing ที่ให้เช่า E-Bike ผ่านแอปพลิเคชันจึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
- นโยบายสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ของภาครัฐ: นโยบายส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาล ซึ่งรวมถึงยานพาหนะขนาดเล็กอย่างจักรยานไฟฟ้าและสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตของตลาดนี้
- การตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อม: ปัญหามลพิษและฝุ่น PM2.5 ทำให้ผู้คนหันมาสนใจทางเลือกการเดินทางที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ความท้าทายและโอกาสในการนำ E-Bike มาใช้ในวงกว้าง
แม้ว่าศักยภาพจะสูง แต่การผลักดันให้ E-Bike กลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบขนส่งสาธารณะในวงกว้างยังคงมีความท้าทายที่ต้องเผชิญ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับ ไม่ว่าจะเป็นเลนจักรยานที่ปลอดภัยและเชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบ จุดจอดและสถานีชาร์จที่เพียงพอ รวมถึงกฎระเบียบที่ชัดเจนในการกำกับดูแลความปลอดภัยของผู้ใช้งาน อย่างไรก็ตาม ความท้าทายเหล่านี้ก็นับเป็นโอกาสสำหรับภาครัฐและเอกชนในการร่วมมือกันพัฒนาและลงทุน เพื่อสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์และยั่งยืนสำหรับการเดินทางด้วยยานพาหนะขนาดเล็ก (Micro-mobility)
อนาคตของการเดินทางในเมืองไทย: เมื่อ MaaS และ E-Bike ทำงานร่วมกัน
การทำงานร่วมกันระหว่างแพลตฟอร์ม MaaS และบริการ E-Bike จะเป็นภาพอนาคตของการเดินทางในเมืองใหญ่ของไทย ที่ซึ่งความสะดวกสบาย ประสิทธิภาพ และความยั่งยืนถูกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
ภาพจำลองการเดินทางแบบไร้รอยต่อ
ลองจินตนาการถึงการเดินทางในแต่ละวันของพนักงานออฟฟิศคนหนึ่งในกรุงเทพฯ ในยุคที่ MaaS และ E-Bike ถูกนำมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ:
เขาเริ่มต้นวันด้วยการเปิดแอปพลิเคชัน MaaS และป้อนจุดหมายปลายทางคือที่ทำงาน ระบบจะแสดงทางเลือกการเดินทางที่ดีที่สุดให้ทันที ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการเดิน จักรยานไฟฟ้า และรถไฟฟ้า เขาเลือกเส้นทางที่เร็วที่สุด จากนั้นแอปฯ จะทำการจองและชำระเงินให้ทั้งหมด เขาเดินจากบ้านไปยังจุดบริการ E-Bike ที่ใกล้ที่สุด ปลดล็อกจักรยานด้วยการสแกน QR Code ผ่านแอปฯ แล้วขี่ไปยังสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุด เมื่อถึงสถานี เขาก็จอด E-Bike ไว้ในจุดที่กำหนด แล้วใช้ตั๋วดิจิทัลในแอปฯ เดิมเพื่อผ่านเข้าไปยังชานชาลา เมื่อเดินทางถึงสถานีปลายทาง เขาก็ใช้แอปฯ เดิมในการค้นหาและปลดล็อก E-Bike อีกคันเพื่อขี่ต่อไปยังอาคารสำนักงาน การเดินทางทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างราบรื่นผ่านการจัดการของแอปพลิเคชันเพียงแอปเดียว
ผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคม
การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในเมือง แต่ยังสร้างผลกระทบเชิงบวกในวงกว้าง:
- การสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่: เกิดธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแพลตฟอร์ม MaaS การให้บริการ E-Bike Sharing การจัดการสถานีชาร์จ และบริการซ่อมบำรุง ซึ่งช่วยสร้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัล
- การเพิ่มมูลค่าพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน: ความสะดวกในการเชื่อมต่อการเดินทางทำให้พื้นที่ในรัศมีรอบสถานีรถไฟฟ้ากลายเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงขึ้น ทั้งในด้านที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์
- การสร้างสังคมที่เท่าเทียม: ระบบการเดินทางที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงง่ายช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาและการทำงานของประชาชนในพื้นที่ต่างๆ
นโยบายภาครัฐที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อน
เพื่อให้วิสัยทัศน์นี้เกิดขึ้นได้จริง การสนับสนุนจากภาครัฐถือเป็นปัจจัยที่ขาดไม่ได้ ภาครัฐจำเป็นต้องเข้ามามีบทบาทในการกำหนดนโยบายและกฎระเบียบที่ชัดเจนเพื่อกำกับดูแลบริการ Micro-mobility, สนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น เช่น เลนจักรยานและจุดจอดที่ปลอดภัย, และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและผู้ประกอบการเอกชนเพื่อสร้างมาตรฐานกลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานของระบบ MaaS
บทสรุป: สู่มิติใหม่แห่งการเดินทางในเมือง
โดยสรุปแล้ว MaaS หรือ Mobility as a Service คือระบบบูรณาการบริการเดินทางแห่งอนาคต ที่จะเข้ามาปฏิวัติการเดินทางในเมืองให้กลายเป็นเรื่องง่าย สะดวก และมีประสิทธิภาพ ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลเพียงหนึ่งเดียว และในระบบนิเวศนี้ อนาคตของ E-Bike ในระบบขนส่งสาธารณะไทยมีศักยภาพสูงอย่างยิ่งในฐานะ “Last-mile solution” ที่จะมาเติมเต็มช่องว่างของการเดินทาง ทำให้ผู้คนสามารถเชื่อมต่อจากระบบขนส่งมวลชนหลักไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างไร้รอยต่อ
การผสานพลังระหว่าง MaaS และ E-Bike ไม่เพียงแต่เป็นคำตอบของปัญหาการจราจรและมลพิษในเมืองใหญ่ แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ที่ยั่งยืนและน่าอยู่สำหรับทุกคน
สำหรับผู้ที่สนใจเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางยุคใหม่และมองหาจักรยานไฟฟ้า (E-Bike) ที่มีคุณภาพเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในเมือง GIANT Shopping Mall คือศูนย์รวมจักรยานไฟฟ้า สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า และยานพาหนะส่วนบุคคลพลังงานสะอาดหลากหลายประเภท ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองทุกความต้องการในการเดินทางของคุณ สามารถเยี่ยมชมสินค้าและรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญได้ที่ FACEBOOK PAGE หรือทาง LINE และสามารถ ติดต่อ สอบถามเพิ่มเติม ผ่านทางเว็บไซต์ได้โดยตรง
