จักรยานไฟฟ้าเสียงดัง? 5 จุดเช็คเองได้ ไม่ต้องง้อช่าง
เสียงผิดปกติจากจักรยานไฟฟ้าเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ควรละเลย แม้บางครั้งอาจเป็นเพียงเสียงเล็กน้อยที่น่ารำคาญ แต่ก็สามารถบ่งชี้ถึงปัญหาที่อาจบานปลายเป็นค่าซ่อมแซมราคาแพงหรือส่งผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่ได้ การทำความเข้าใจสาเหตุเบื้องต้นจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและดูแลรักษายานพาหนะได้อย่างเหมาะสม
ประเด็นสำคัญที่ควรรู้
- เสียงดังในจักรยานไฟฟ้าส่วนใหญ่มักเกิดจากชิ้นส่วนที่หลวมคลอนจากการสั่นสะเทือน เช่น น็อต สกรู หรืออุปกรณ์เสริมต่างๆ
- การตรวจสอบและแก้ไขปัญหาเบื้องต้นสามารถทำได้ด้วยตนเองโดยใช้เครื่องมือง่ายๆ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลา
- เสียงจากล้อ เบรก และระบบขับเคลื่อนเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด และมักแก้ไขได้ด้วยการทำความสะอาด ปรับตั้ง หรือหล่อลื่น
- เสียงจากแบตเตอรี่ที่หลวมอาจแก้ไขได้ง่ายๆ ด้วยการใช้วัสดุกันกระแทกรองเสริมเข้าไปในช่องว่าง
- หากเสียงดังมาจากมอเตอร์โดยตรงและมีอาการรุนแรงขึ้น เช่น มีความร้อนสูงผิดปกติ ควรปรึกษาช่างผู้ชำนาญเพื่อความปลอดภัย
สาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหาจักรยานไฟฟ้าเสียงดัง
ปัญหา จักรยานไฟฟ้าเสียงดัง เป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานหลายคนต้องเผชิญ เสียงที่เกิดขึ้นมีหลากหลายลักษณะ ตั้งแต่เสียงเอี๊ยดอ๊าดแหลมสูง เสียงเสียดสีทุ้มต่ำ ไปจนถึงเสียงกรอบแกรบเมื่อขับขี่ผ่านพื้นที่ขรุขระ เสียงเหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างความรำคาญ แต่ยังเป็นตัวบ่งชี้ว่ามีชิ้นส่วนบางอย่างที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ การเพิกเฉยต่อเสียงเตือนเหล่านี้อาจนำไปสู่การสึกหรอที่รุนแรงขึ้น หรือในกรณีที่เลวร้ายที่สุด อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ใช้งานจักรยานไฟฟ้า (E-bike) ในการวิเคราะห์และระบุแหล่งที่มาของเสียงด้วยตนเอง ครอบคลุมตั้งแต่จุดที่ตรวจสอบได้ง่ายไปจนถึงจุดที่ซับซ้อนขึ้น การทำความเข้าใจสาเหตุจะช่วยให้สามารถตัดสินใจได้ว่าปัญหานั้นสามารถแก้ไขได้เอง (DIY e-bike) หรือจำเป็นต้องพึ่งพาช่างผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะช่วยให้การบำรุงรักษาจักรยานไฟฟ้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตรงจุด
5 จุดตรวจสอบหลักเมื่อจักรยานไฟฟ้ามีเสียงดังผิดปกติ
การค้นหาต้นตอของเสียงต้องอาศัยการสังเกตอย่างเป็นระบบ ควรเริ่มต้นจากจุดที่แก้ไขได้ง่ายที่สุดก่อนจะไปสู่ส่วนที่ซับซ้อนกว่า ต่อไปนี้คือ 5 จุดหลักที่ควรตรวจสอบเป็นอันดับแรก
จุดที่ 1: ล้อและตลับลูกปืน – แหล่งกำเนิดเสียงยอดนิยม
เสียงที่เกิดจากบริเวณล้อเป็นปัญหาที่พบบ่อยที่สุด มีลักษณะได้หลายแบบ ตั้งแต่เสียงคลิกเบาๆ เสียงหอน หรือเสียงเสียดสีอย่างรุนแรง สาเหตุมักเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวและการรับน้ำหนักโดยตรง
คำจำกัดความและสาเหตุ:
- ตลับลูกปืน (Bearings) เสื่อมสภาพ: เมื่อจาระบีภายในแห้งหรือมีสิ่งสกปรกเข้าไป เม็ดลูกปืนจะเสียดสีกันโดยตรง ทำให้เกิดเสียงหอนหรือเสียงสากๆ คล้ายทราย ยิ่งความเร็วสูง เสียงจะยิ่งดังขึ้น
- ล้อคดหรือเสียรูป (Bent Rim): เกิดจากการกระแทกอย่างรุนแรง ทำให้ขอบล้อเบี้ยวไปเสียดสีกับผ้าเบรกเป็นจังหวะตามการหมุนของล้อ เกิดเป็นเสียง “ฟี้…ฟี้…” หรือ “จี๊ด…จี๊ด…”
- น็อตแกนล้อหลวม: หากน็อตที่ยึดล้อกับตะเกียบหรือเฟรมหลวม จะทำให้ล้อขยับตัวได้เล็กน้อยขณะหมุน ทำให้เกิดเสียงกุกกักเบาๆ โดยเฉพาะตอนออกตัวหรือเบรก
วิธีการตรวจสอบ:
- ยกล้อให้ลอย: ตั้งขาตั้งคู่ของจักรยานขึ้น หรือหาอุปกรณ์มาหนุนให้ล้อที่ต้องการตรวจสอบลอยจากพื้น
- หมุนล้อและฟังเสียง: ใช้มือหมุนล้อให้มีความเร็ว แล้วก้มลงฟังเสียงใกล้ๆ ดุมล้อ หากมีเสียงหอนหรือเสียงผิดปกติ แสดงว่าอาจมีปัญหาที่ตลับลูกปืน
- ตรวจสอบการแกว่ง: ขณะที่ล้อหมุน ให้มองที่ระยะห่างระหว่างขอบล้อกับผ้าเบรก หากเห็นว่าขอบล้อแกว่งเข้า-ออก แสดงว่าล้อคด
- ทดสอบความแน่น: ใช้มือจับที่ขอบล้อแล้วลองขยับไปทางซ้าย-ขวา หากล้อขยับหรือคลอนได้ แสดงว่าน็อตแกนล้ออาจจะหลวม
แนวทางการแก้ไขเบื้องต้น:
- ขันน็อตแกนล้อให้แน่นพอดีด้วยประแจที่ถูกต้อง การขันแน่นเกินไปอาจทำให้ลูกปืนเสียหายได้
- หากล้อคดเล็กน้อย อาจต้องใช้เครื่องมือตั้งซี่ลวดเพื่อดึงขอบล้อให้กลับมาตรง ซึ่งเป็นงานที่ต้องอาศัยความชำนาญ
- การเปลี่ยนตลับลูกปืนเป็นงานที่ซับซ้อนและต้องใช้เครื่องมือพิเศษ หากไม่แน่ใจควรปรึกษาช่าง
จุดที่ 2: ยางและแก้มยาง – เสียงทุ้มต่ำจากการเสียดสี
บางครั้งเสียงที่ได้ยินไม่ได้มาจากกลไกภายใน แต่มาจากตัวยางที่เสียดสีกับส่วนอื่นของรถ ซึ่งมักเป็นเสียงทุ้มๆ หรือเสียงอู้ๆ ที่สัมพันธ์กับความเร็ว
คำจำกัดความและสาเหตุ:
- ยางบวมหรือเสียรูป: ยางที่เก่าหรือมีตำหนิจากการผลิตอาจมีบางส่วนนูนออกมาเสียดสีกับบังโคลนหรือตะเกียบ
- การติดตั้งยางไม่เข้าขอบ: หากขอบยางไม่ได้นั่งอยู่ในร่องของขอบล้ออย่างสมบูรณ์ จะทำให้ยางหมุนไม่กลมและเกิดการเสียดสีได้
- แรงดันลมน้อยเกินไป: ลมยางที่อ่อนจะทำให้แก้มยางบิดตัวและเสียดสีกับขอบล้อหรือพื้นผิวถนนมากกว่าปกติ ทำให้เกิดเสียงได้
วิธีการตรวจสอบ:
- ตรวจสอบด้วยสายตา: หมุนล้อช้าๆ และสังเกตดูพื้นผิวของยางทั้งหมดว่ามีรอยบวม นูน หรือเสียรูปทรงหรือไม่ และสังเกตเส้นขอบยางว่าขนานไปกับขอบล้อตลอดแนวหรือไม่
- ตรวจสอบร่องรอยการเสียดสี: มองหาคราบหรือรอยถลอกด้านในของบังโคลนหรือตะเกียบ ซึ่งเป็นหลักฐานว่ายางไปเสียดสีกับส่วนนั้น
แนวทางการแก้ไขเบื้องต้น:
- หากติดตั้งยางไม่เข้าขอบ ให้ปล่อยลมออกจนหมด ใช้น้ำสบู่ทาบริเวณขอบยางและขอบล้อ แล้วสูบลมเข้าไปใหม่ ขอบยางจะลื่นและเข้าที่ได้ง่ายขึ้น
- เติมลมยางให้ได้ตามค่ามาตรฐานที่ระบุไว้บนแก้มยาง
- หากยางบวมหรือเสียรูปอย่างถาวร ควรเปลี่ยนยางใหม่ทันทีเพื่อความปลอดภัย
จุดที่ 3: แบตเตอรี่ – เสียงสั่นกระแทกที่ไม่ควรมองข้าม
เสียง “กร๊อบๆ” หรือ “แก๊ปๆ” ที่ดังขึ้นเมื่อขับผ่านทางขรุขระหรือตกหลุมเล็กๆ อาจมีสาเหตุมาจากแบตเตอรี่ที่ยึดไม่แน่น
คำจำกัดความและสาเหตุ:
- ช่องว่างระหว่างแบตเตอรี่และตัวถัง: การออกแบบหรือการเสื่อมสภาพของยางรองอาจทำให้เกิดช่องว่าง ทำให้แบตเตอรี่ซึ่งมีน้ำหนักมากขยับและกระแทกกับโครงรถเมื่อเกิดการสั่นสะเทือน
- กลไกการล็อกเสื่อมสภาพ: ตัวล็อกแบตเตอรี่อาจหลวมคลอน ทำให้ไม่สามารถยึดแบตเตอรี่ให้นิ่งอยู่กับที่ได้
วิธีการตรวจสอบ:
- ทดลองขยับแบตเตอรี่: ในขณะที่รถจอดนิ่งและดับเครื่อง ให้ใช้มือจับที่ตัวแบตเตอรี่แล้วลองโยกหรือขยับดูว่ามันเคลื่อนที่ได้หรือไม่
- ตรวจสอบจุดยึดและตัวล็อก: สำรวจดูว่าสกรูที่ยึดแท่นวางแบตเตอรี่แน่นดีหรือไม่ และกลไกการล็อกยังทำงานได้ปกติหรือไม่
แนวทางการแก้ไขเบื้องต้น:
- เป็นวิธีแก้ไขที่ง่ายและได้ผลดี คือการหาวัสดุมาเสริมในช่องว่าง เช่น แผ่นโฟม, แผ่นยาง, หรือแม้กระทั่งเศษยางในเก่า ตัดให้ได้ขนาดพอดีแล้วสอดเข้าไปในบริเวณที่เกิดช่องว่างเพื่อลดการกระแทก
- ขันสกรูยึดแท่นวางแบตเตอรี่ให้แน่น
การปล่อยให้แบตเตอรี่สั่นกระแทกเป็นเวลานานอาจทำให้ขั้วต่อไฟฟ้าภายในเสียหายหรือเกิดการลัดวงจรได้ การแก้ไขปัญหานี้จึงมีความสำคัญต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่
จุดที่ 4: อุปกรณ์เสริมและชิ้นส่วนยึดติด – เสียงเล็กน้อยที่น่ารำคาญ
เสียงสั่นความถี่สูง หรือเสียง “ติ๊กๆ” ที่หาต้นตอได้ยาก มักเกิดจากชิ้นส่วนเล็กๆ ที่หลวมคลอนและสั่นกระทบกัน
คำจำกัดความและสาเหตุ:
- น็อตและสกรูคลายตัว: จากการใช้งานและการสั่นสะเทือน น็อตที่ยึดบังโคลน, ตะแกรงท้าย, ขาตั้ง, ไฟหน้า, หรือกล่องควบคุม อาจคลายตัวออกมาทีละน้อย
- สายเคเบิลกระทบเฟรม: สายเบรกหรือสายไฟที่เดินอยู่นอกตัวถังอาจสั่นและตีกับเฟรมรถ ทำให้เกิดเสียงได้
วิธีการตรวจสอบ:
- ไล่ตรวจสอบทุกจุด: เริ่มต้นไล่ขันน็อตและสกรูทุกตัวที่มองเห็นบนจักรยาน ตั้งแต่บังโคลนไปจนถึงไฟท้าย
- เคาะเพื่อหาเสียง: ใช้ด้ามไขควงหรือนิ้วเคาะเบาๆ ตามส่วนต่างๆ ของรถเพื่อฟังว่ามีเสียงสั่นจากจุดไหน
- จัดระเบียบสายเคเบิล: ลองขยับสายเคเบิลต่างๆ ดูว่าทำให้เกิดเสียงหรือไม่
แนวทางการแก้ไขเบื้องต้น:
- ใช้ชุดประแจหกเหลี่ยมและไขควงขันน็อตทุกตัวให้แน่น
- ใช้สายรัดเคเบิล (Cable Tie) หรือเทปพันสายไฟเพื่อรวบสายต่างๆ ไม่ให้กระทบกับตัวถัง
- สำหรับชิ้นส่วนพลาสติกที่กระทบกัน อาจใช้เทปสองหน้าแบบบางหรือแผ่นยางเล็กๆ ติดคั่นไว้
จุดที่ 5: มอเตอร์ไฟฟ้า – จุดสุดท้ายที่ต้องพิจารณา
หากตรวจสอบทั้ง 4 จุดข้างต้นแล้วยังไม่พบสาเหตุ อาจเป็นไปได้ว่าเสียงดังมาจากภายในมอเตอร์ ซึ่งเป็นส่วนที่ซับซ้อนที่สุด
คำจำกัดความและสาเหตุ:
- ลูกปืนมอเตอร์สึกหรอ: เช่นเดียวกับลูกปืนล้อ ลูกปืนภายในมอเตอร์ก็สามารถเสื่อมสภาพได้ ทำให้เกิดเสียงหอนหรือเสียงครืดคราดขณะที่มอเตอร์ทำงาน
- ชุดเกียร์ภายในเสียหาย (สำหรับมอเตอร์แบบมีเกียร์): เฟืองไนลอนภายในอาจแตกหรือสึกหรอ ทำให้เกิดเสียง “แกรกๆ” หรือ “ตั่บๆ” โดยเฉพาะตอนออกตัวที่ใช้แรงบิดสูง
- ขดลวดหรือแม่เหล็กหลุด: เป็นกรณีที่พบได้ไม่บ่อย แต่อาจเกิดขึ้นได้จากการกระแทกอย่างรุนแรง ทำให้ชิ้นส่วนภายในหลุดและเสียดสีกัน
วิธีการตรวจสอบ:
- แยกแยะเสียง: ลองขี่โดยไม่ใช้ระบบไฟฟ้า (ปิดระบบหรือปั่นธรรมดา) แล้วเปรียบเทียบกับตอนที่เปิดใช้ระบบไฟฟ้า หากเสียงเกิดขึ้นเฉพาะตอนที่มอเตอร์ทำงาน แสดงว่าต้นตอมาจากมอเตอร์แน่นอน
- ฟังเสียงขณะรับภาระ: ลองขี่ขึ้นเนินชัน เสียงจากมอเตอร์ที่มีปัญหามักจะดังขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อต้องทำงานหนัก
- ตรวจสอบความร้อน: หลังจากใช้งาน ให้ลองใช้หลังมือสัมผัสที่ดุมมอเตอร์อย่างระมัดระวัง หากร้อนจัดจนผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของความเสียหายภายใน
แนวทางการแก้ไข:
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: การซ่อมแซมภายในมอเตอร์ไฟฟ้าต้องใช้เครื่องมือและความรู้เฉพาะทาง การพยายามเปิดซ่อมเองอาจทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้น ดังนั้น แนวทางที่ดีที่สุดคือการนำรถเข้าศูนย์บริการหรือร้านซ่อมจักรยานไฟฟ้าที่มีความน่าเชื่อถือ
- การหยอดน้ำมันหล่อลื่นที่เพลามอเตอร์ตามคำแนะนำบางแหล่งอาจช่วยได้ในกรณีเสียงเล็กน้อยจากลูกปืน แต่ต้องทำด้วยความระมัดระวังและใช้สารหล่อลื่นที่ถูกต้อง มิฉะนั้นอาจทำให้น้ำมันซึมเข้าไปสร้างความเสียหายแก่ขดลวดได้
จุดตรวจสอบเพิ่มเติม: สาเหตุเสียงดังที่พบบ่อย
นอกเหนือจาก 5 จุดหลัก ยังมีอีกสองส่วนสำคัญที่มักเป็นต้นเหตุของเสียงดังในจักรยานทุกประเภท รวมถึงจักรยานไฟฟ้าด้วย
ระบบเบรก: เสียงแหลมสูงที่เกิดจากการเสียดสี
เสียง “จี๊ดดดด” แหลมบาดหูขณะเบรกเป็นปัญหาที่น่ารำคาญและพบบ่อยมาก สาเหตุมักมาจากการปนเปื้อนหรือการติดตั้งที่ไม่ถูกต้อง
- สาเหตุ: ผ้าเบรกหรือจานเบรก (Disc Rotor) สกปรก มีคราบน้ำมันหรือฝุ่นเกาะ, ผ้าเบรกสึกหรอจนถึงเนื้อเหล็ก, หรือคาลิปเปอร์เบรกติดตั้งไม่ตรงศูนย์ ทำให้ผ้าเบรกเสียดสีกับจานเบรกตลอดเวลา
- การตรวจสอบ: มองดูว่าจานเบรกหมุนอยู่ตรงกลางระหว่างผ้าเบรกทั้งสองข้างหรือไม่ และตรวจสอบความหนาของผ้าเบรก
- การแก้ไข: ใช้สเปรย์ล้างทำความสะอาดเบรกโดยเฉพาะฉีดทำความสะอาดจานเบรกและผ้าเบรก หากผ้าเบรกหมดให้เปลี่ยนใหม่ การตั้งระยะคาลิปเปอร์เบรกสามารถทำได้โดยคลายน็อตยึดคาลิปเปอร์เล็กน้อย กำเบรกให้แน่นแล้วขันน็อตกลับเข้าไป
ระบบขับเคลื่อน (โซ่และเฟือง)
เสียง “จิ๊กๆ” หรือ “ครืดคราด” ขณะปั่นมักเกี่ยวข้องกับโซ่ที่ไม่ได้รับการดูแล
- สาเหตุ: โซ่แห้ง ขาดสารหล่อลื่น, โซ่สกปรกมีเศษดินทรายเกาะ, หรือโซ่และเฟืองสึกหรอตามอายุการใช้งาน
- การตรวจสอบ: สภาพของโซ่ดูแห้งหรือมีคราบสกปรกสีดำจับเป็นก้อนหรือไม่
- การแก้ไข: ทำความสะอาดโซ่ด้วยแปรงและน้ำยาทำความสะอาดโซ่โดยเฉพาะ เช็ดให้แห้ง แล้วหยอดน้ำมันหล่อลื่นสำหรับโซ่จักรยาน (จารบีโซ่) ทีละข้อ หมุนขาจานไปข้างหลังเพื่อให้น้ำมันกระจายทั่วถึง แล้วใช้ผ้าสะอาดเช็ดน้ำมันส่วนเกินออก การดูแลโซ่เป็นประจำคือหัวใจสำคัญของการบำรุงรักษาจักรยานไฟฟ้า
ตารางสรุปการตรวจสอบปัญหาจักรยานไฟฟ้าเสียงดัง
| จุดตรวจสอบ | ลักษณะของเสียง | วิธีตรวจสอบเบื้องต้น | แนวทางการแก้ไข |
|---|---|---|---|
| ล้อ / ตลับลูกปืน | เสียงหอน, เสียงสาก, เสียงคลิกเป็นจังหวะ | ยกรถแล้วหมุนล้อฟังเสียง, ตรวจสอบการแกว่ง | ขันน็อตแกนล้อ, ตั้งซี่ลวด, หรือปรึกษาช่างเพื่อเปลี่ยนลูกปืน |
| ยาง / แก้มยาง | เสียงทุ้มเสียดสี, เสียงอู้ๆ | ตรวจสอบรอยบวมหรือการติดตั้งที่ไม่เข้าขอบ | เติมลม, ติดตั้งยางใหม่, หรือเปลี่ยนยางหากชำรุด |
| แบตเตอรี่ | เสียงกรอบแกรบ, กุกกัก เวลาเจอทางขรุขระ | ใช้มือลองขยับแบตเตอรี่ขณะจอด | ใช้แผ่นโฟมหรือยางรองในช่องว่างให้แน่นขึ้น |
| อุปกรณ์เสริม | เสียงสั่น, เสียงติ๊กๆ ความถี่สูง | ไล่เคาะและขันน็อตตามจุดต่างๆ เช่น บังโคลน, ไฟ | ขันน็อตทุกตัวให้แน่น, ใช้สายรัดเก็บสายไฟ |
| มอเตอร์ไฟฟ้า | เสียงหอนรุนแรง, เสียงแกรกๆ ตอนออกตัว | ฟังเสียงเปรียบเทียบตอนเปิด-ปิดระบบไฟฟ้า | ควรปรึกษาช่างผู้ชำนาญทันที |
บทสรุปและการบำรุงรักษาในระยะยาว
ปัญหาจักรยานไฟฟ้าเสียงดังส่วนใหญ่มีต้นตอมาจากการหลวมคลอนของชิ้นส่วนต่างๆ หรือขาดการบำรุงรักษาพื้นฐาน การเรียนรู้ที่จะตรวจสอบและแก้ไขปัญหาเบื้องต้นด้วยตนเองไม่เพียงช่วยลดเสียงรบกวน แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของจักรยานและเสริมสร้างความปลอดภัยในการขับขี่ การทำความสะอาดและหล่อลื่นโซ่เป็นประจำ, การตรวจสอบแรงดันลมยาง, และการไล่ขันน็อตตามจุดต่างๆ เป็นกิจวัตรการบำรุงรักษาที่สำคัญและทุกคนสามารถทำได้
อย่างไรก็ตาม หากได้ทำการตรวจสอบตามขั้นตอนทั้งหมดแล้วยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ หรือหากเสียงนั้นมาจากส่วนที่ซับซ้อนและสำคัญอย่างมอเตอร์ การนำรถไปให้ช่างผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัยคือทางเลือกที่ปลอดภัยและเหมาะสมที่สุด การลงทุนในการบำรุงรักษาอย่างถูกวิธีจะช่วยให้จักรยานไฟฟ้าคู่ใจทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเงียบสงบไปอีกนาน
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาจักรยานไฟฟ้าคุณภาพ หรือต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับการบำรุงรักษา GIANT Shopping Mall คือศูนย์รวมจักรยานไฟฟ้าทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าหรือ E-bike ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองทุกความต้องการ พร้อมทีมงานที่พร้อมให้คำแนะนำอย่างมืออาชีพ สามารถ ติดต่อ สอบถามเพิ่มเติม ได้ที่ FACEBOOK PAGE หรือ LINE
